HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
[ วันที่ 25/09/2556 ]
สิว ฝ้า ขึ้นหน้า...สู่มะเร็งลำไส้ภัยร้ายใกล้ตัวจาก'ท้องผูก'

ในภาวะการดำรงชีวิตในปัจจุบันที่ต่างเต็มไปด้วยความเร่งรีบอยู่ภายใต้ภาวะกดดัน และความเครียดต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่รับประทานในทุกๆ วัน ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่สะสมที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการท้องผูก นั่นคือร่างกายไม่สามารถขับของเสียที่ถูกสะสมมาหลายชั่วโมง หรือบางคนอาจจะหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ให้ออกไปได้
          เมื่อร่างกายมีของเสียตกค้างอยู่ในลำไส้นานๆ ก็เหมือนของบูดเน่า  พอร่างกายมีการดูดซึมสารอาหารกลับไปในร่างกาย ก็ดูดของเสียเหล่านี้กลับเข้าไปผ่านกระแสเลือด แทนที่จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์กลับกลายเป็นสารพิษที่ตกค้างอยู่ นอกจากนั้นแล้ว การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำ หรืออาหารที่มีปริมาณแคลเซียมน้อย ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของอาการท้องผูกด้วยเช่นกัน
          น.พ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ มาไขข้อสงสัยและแนะนำวิธีการรักษาอาการท้องผูกแบบธรรมชาติ ที่มีประโยชน์มากกว่าแค่การระบายว่า ร่างกายมนุษย์นั้นเป็นเหมือนเครื่องจักรที่แสนมหัศจรรย์ เพราะทำงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงแม้ในขณะที่เรานอนหลับ และส่วนหนึ่งของงานที่สำคัญที่สุดที่หยุดไม่ได้นั่นคือการ "ระบายของเสีย" ซึ่งอวัยวะที่รับหน้าที่นี้ที่เห็นชัดและสำคัญมากก็คือ "ลำไส้" เพราะลำไส้เป็นเสมือนท่อระบายขนาดใหญ่ที่ช่วยให้เครื่องจักรมนุษย์นี้ทำงานอยู่ได้อย่างเป็นปกติ  ส่วนของลำไส้ที่ทำงานระบายหลักคือ"ลำไส้ใหญ่"ซึ่งหากทำงานได้เป็นปกติก็จะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไรลำไส้ใหญ่มีปัญหา "ไม่ระบาย" ขึ้นมาหรือว่า "ระบายยาก" กว่าปกติที่เคยเป็น เมื่อนั้นจะส่งผลต่อร่างกายโดยรวมของเราอย่างแน่นอน และหากปล่อยเอาไว้นานจนมีอาการเรื้อรังก็ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย
          "สาเหตุของอาการท้องผูกที่อาจมาจาก 2 ส่วน คือ สาเหตุจากนอกลำไส้ ได้แก่ ลำไส้แปรปรวน ความเครียดลงลำไส้นอนดึก อาหารและยาบางชนิดที่มีผลทำให้ท้องผูก และสาเหตุจากในลำไส้ หรือที่เรียกว่า ลำไส้ขี้เกียจ ลำไส้ขยับน้อย
          จากระบบประสาท การตั้งครรภ์ และการมีโรคที่ตัวลำไส้เอง ทั้งนี้ พฤติกรรมการขับถ่ายแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ทุกคนควรสังเกตว่าโดยปกติจะขับถ่ายในระยะเวลาประมาณเท่าไหร่ หากมากกว่านั้นก็ให้สงสัยว่ากำลังมีอาการท้องผูก"
          คุณหมอ บอกต่อว่า นอกจากโรคที่อาจเกิดขึ้นตามข้างต้นแล้วอาการท้องผูกหากทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานอาจเป็นสาเหตุของโรคที่ร้ายแรง นั่นคือ มะเร็งลำไส้ ซึ่งจากงานวิจัยที่เผยในงาน American College of Gastroenterology's 77th Annual Scientific Meeting เมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า ท้องผูกเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่  ผู้ที่ท้องผูกเรื้อรังพบมะเร็งลำไส้ใหญ่และเนื้องอกลำไส้ชุกกว่ากลุ่มควบคุม และความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้นถึง 1.78 เท่า และเนื้องอกในลำไส้ถึง 2.70 เท่า แม้จะไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นเหตุและผลกันโดยตรงแต่เรื่องท้องผูกกับลำไส้ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องป้องกันไว้ก่อน
          "เราเองสามารถสังเกตสัญญาณอันตรายที่ชวนสงสัยว่ามีความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ร่วมกับท้องผูกได้คือ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดท้องผูกสลับกับท้องเสีย และพบเม็ดเลือดแดงในอุจจาระนอกจากโรคร้ายอย่างมะเร็งแล้ว การที่ร่างกายสะสมพิษเอาไว้มากเกินไป ยังเป็นตัวทำให้ร่างกายเสื่อมเร็วหรือพูดง่ายๆ ว่า"แก่" ซึ่งถ้าลำไส้ทำหน้าที่ของตัวเองโดยการ "ระบาย" ออกได้ดีเป็นปกติก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าระบายติดๆ ขัดๆ ผิดนัดบ่อยก็อันตรายเช่นกัน"
          ทั้งนี้ คุณหมอจึงได้แนะนำว่า ควรจะรู้จักล้างพิษในร่างกายบ้างเพื่อพิชิตโรคเพราะการล้างพิษออกไปได้จึงทำให้สุขภาพดีและทำไห้ไม่แก่ ฉะนั้นความลับหนึ่งของการชะลอวัยคือ"การระบายได้ดี" ดังนั้นควรเริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น บริโภคอาหารให้พออิ่ม บริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูง และดื่มน้ำให้มากกว่าที่บริโภคอยู่เป็นประจำ แต่ถ้าได้"ตัวช่วย"ระบายที่มาจากธรรมชาติด้วยก็จะช่วยประสานกันได้ดีในกรณีที่ระบบลำไส้เกิดติดขัดขึ้นมาได นั้นก็คือของที่มาจากธรรมชาติด้วย
          ก็คือ "สารสกัดจากมะขามแขก"มะขามแขกหรือ"เซนน่า (Senna)"เป็นที่รู้จักมานานถึงสรรพคุณช่วยระบาย ขับถ่ายพิษและทำให้ลำไส้ขับของเสียออกมาได้อย่างเป็น"ปกติ" ได้อีกอย่างหนึ่งล่าสุด เจิดสาย สุขแก้ว ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แผนกเฮลท์แคร์ บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เล็งเห็นถึงปัญหาสุขภาพจากอาการท้องผูกที่เป็นปัญหาในทุกเพศทุกวัย จึงได้นำผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ ยาระบายจากธรรมชาติ"เสโนคอต" ประกอบด้วยเซนนามีฤทธิ์เป็นยาระบายจากธรรมชาติผลิตจากฝักเมล็ดของต้นมะขามแขก มีประสิทธิภาพออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว เซนนาในเม็ดยาเสโนคอต ประกอบด้วยตัวยาสำคัญ เซนโนไซด์ ซึ่งอยู่ในรูปแบบที่ทำให้ได้มาตรฐาน ในปริมาณ 7.5 มิลลิกรัม คงที่ทุกเม็ด โดยเม็ดยาเสโนคอตจะออกฤทธิ์ภายใน8-12 ชั่วโมง และไม่ทำให้เกิดอาการปวดมวนท้องอีกด้วย
          "ปัญหาท้องผูกเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักที่จะละเลยเพราะคิดว่าเป็นปัญหาที่ไม่รุนแรง และหายเองได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาการท้องผูกเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ตามมาอีกมากมาย อาทิ สิว นอนไม่หลับสารพิษสะสม และที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคมะเร็งลำไส้ โดยผลิตภัณฑ์ เสโนคอต ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของยาระบายธรรมชาติผลิตจากฝักเมล็ดของต้นมะขามแขก 100% ซึ่งมีผลการศึกษายืนยันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีว่าเป็นยาจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงในการบรรเทาอาการท้องผูกและปลอดภัยสำหรับใช้ในระยะเวลานานๆ มีผลทำให้อาหารที่ถูกย่อยเดินทางออกไปจากลำไส้ได้เร็วขึ้นด้วย"


pageview  1205172    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved