HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
[ วันที่ 23/01/2555 ]
สารพิษรอบตัวใด? ที่ควรหลีกเลี่ยง

 ด้วยผู้คนในปัจจุบันมีภาวะเสี่ยงต่อการรับสารพิษแบบที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว เพราะสารพิษมีอยู่รอบๆ ตัวเรา ทั้งหลีกเลี่ยงได้ และไม่ได้ สารพิษจากควันรถยนต์ที่ได้รับทุกวันแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สารพิษจากพลาสติก สารพิษที่แฝงอยู่ในยาแก้อักเสบ คลื่นไมโครเวฟ สารพิษที่อยู่ในเครื่องสำอาง เจลใส่ผม ครีมกันแดด ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่บางคนอาจไม่รู้ถึงภัยอันตรายที่มีอยู่ แต่เมื่อได้รับสะสมเป็นเวลานานๆ จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทั้งระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง และโรคเรื้อรังอื่นๆ ตามมา
          น.พ.พลวิช กล้าหาญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับสมดุล จาก AMC Clinic ได้ให้ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องสารพิษว่า โรคที่พบส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อาทิ ภูมิแพ้ โรคผิวหนัง สิวเรื้อรัง ไมเกรน ฯลฯ สาเหตุหนึ่งเกิดจากการสะสมสารพิษในร่างกายจากการใช้สิ่งของในชีวิตประจำวันที่มีสารพิษโดยไม่รู้ตัว
          บางคนเป็นสิวเรื้อรัง เพราะแพ้สารพิษบางชนิดที่มีอยู่ในครีมกันแดด ภูมิแพ้จากน้ำหอมที่ใช้ประจำ ผื่นแพ้ผิวหนังจากสารพิษในผงซักฟอก ปวดไมเกรนจากการใช้ยาแก้อักเสบมากเกินไป เป็นต้น ดังนั้น สิ่งที่ควรปฏิบัติให้ห่างไกลจากสารพิษ คือ หมั่นสำรวจและสังเกตตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองแพ้อะไรบ้าง และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของที่อาจมีสารพิษเจือปนอยู่ ซึ่งสารพิษที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา ที่อาจเสี่ยงให้เกิดโรคได้มีดังนี้
          1.ควันพิษจากรถยนต์ เพราะการสูดเอาอนุภาคเล็กๆ ของสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดแตกแล้ว ยังทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดบริเวณขา ที่เรียกว่าโรค ดีวีที ซึ่งจะเกิดขึ้นกับผู้ที่นั่งอยู่กับที่นานๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไหว หรือเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น ผู้ที่นั่งเครื่องบินนานๆ โดยสารเคมี หรือมลพิษดังกล่าว ทำให้เลือดมีความข้นเหนียว จนทำให้เกิดลิ่มเลือด และอุดตัน
          2.พลาสติก และกล่องโฟม ผู้คนในยุคไอทีคงคุ้นเคยกับอาหารถุง หรือกล่องโฟม ในการบรรจุอาหาร อาจเป็นเพราะสะดวก และราคาไม่แพง โดยเฉพาะกล่องโฟม มักถูกนำไปใช้ในการบรรจุอาหารที่ร้อนและมีน้ำมัน อาจทำให้เกิดอันตรายจากสารปนเปื้อนที่แยกตัวออกมาจากภาชนะบรรจุได้ อาทิ เบนซิน และสไตรีน ซึ่งสารดังกล่าวจะละลายได้ดีในอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมัน สำหรับเบนซิน หากได้รับเข้าสู่ร่างกายเป็นเวลานานอาจทำให้เป็นโรคโลหิตจาง หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ ส่วนสไตรีน ผลต่อร่างกายเมื่อถูกผิวหนัง หรือเข้าตาจะทำให้ระคายเคือง หากสูดดมเข้าไปจะมีอาการไอ และหายใจลำบาก เพราะไปทำให้เยื่อเมือกเกิดความระคายเคือง ปวดศีรษะ ง่วงซึม
          3.ไมโครเวฟ สารก่อมะเร็งในอาหารที่เกิดจากการใช้เตาอบไมโครเวฟ
          4.ครีมกันแดด มีสารไทเทเนียมไดออกไซด์เป็นสารสีที่มีสีขาว มีประโยชน์สำหรับการใช้งานได้หลากหลายเนื่องจากไม่มีกลิ่น และมีความสามารถในการดูดซับ แร่ชนิดนี้พบได้ในหลายผลิตภัณฑ์ตั้งแต่สีทาบ้านไปถึงอาหาร และเครื่องสำอาง ในกลุ่มเครื่องสำอางเป็นตัวที่ทำให้เกิดการทึบแสง และเป็นตัวป้องกันแสงแดด อนุภาคไทเทเนียมไดออกไซด์ในสารกันแดดมีขนาดเล็กอาจจะสามารถแทรกผ่านเซลล์ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ DNAเมื่อได้รับแสง และเป็นที่น่ากลัวว่าจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
          5.ยาแก้ปวด/แก้อักเสบ จากข้อมูลการใช้ยาแก้ปวดของคนไทย โดยเฉพาะพาราเซตามอล พบว่ามีการใช้ในปริมาณมากและเกินความจำเป็น จนเข้าขั้นอันตรายต่อการดื้อยา และส่งผลข้างเคียงต่ออวัยวะภายในร่างกาย ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานๆ โดยเฉพาะยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เนื่องจากจะมีผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย ทั้งระบบทางเดินอาหาร หากใช้ยาเกินปริมาณจะเป็นพิษต่อตับ จนเกิดภาวะตับวาย และเสียชีวิตในที่สุด
          6.ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผมต่างๆ พบว่ามีสารพิษมากมาย อาทิ แชมพูรักษาหนังศีรษะ มีสารโซเดียมซัลเฟต ซึ่งมีผลต่อการระคายเคืองของผิวหนังและดวงตา ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมมีสารซัลเฟตโทลูอีน อาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งกับระบบประสาทที่เป็นพิษต่อสมองและศูนย์กลางไตและตับ
          รู้อย่างนี้แล้วจะใช้อะไรก็ควรระมัดระวังว่ามีสารพิษหรือไม่ หรือหลีกเลี่ยงภาวะต้องเผชิญกับสารพิษให้น้อยที่สุด อยู่กับธรรมชาติ ใช้สารที่มาจากธรรมชาติดีที่สุด


pageview  1204987    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved