HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ผู้จัดการรายวัน [ วันที่ 20/04/2555 ]
11 วิธี ยิ้มปราศจากกลิ่นปาก

  เขียนโดย ดร. สุพาพร เทพยสุวรรณ
          คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารอยยิ้มถือเป็นการสร้างมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ และเป็นประตูก้าวแรกในการสร้างความสัมพันธ์ แต่คงไม่ดีแน่หากว่าเราเป็นคนมีรอยยิ้มที่สดใสน่าประทับใจ แต่มีกลิ่นปาก เราลองมาดูกันว่าวิธีง่ายๆ ในการลดกลิ่นปากมีอะไรบ้าง
          1. อาหารและพฤติกรรมบางประเภททำให้เกิดคราบสีติดอยู่ที่ฟัน เช่นการดื่มกาแฟไวน์แดง และการสูบบุหรี่ เพราะสารเหล่านี้จะเข้าไปเกาะและเคลือบติดอยู่กับผิวฟัน ยากแก่การทำความสะอาด เคล็ดลับคือให้ดื่มน้ำมากๆ
          2. ลดอาหารหวานหรือของขบเคี้ยวระหว่างมื้ออาหาร อาหารที่มีรสหวานเช่น ช็อกโกแลต มันฝรั่ง ขนมปังกรอบ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต แต่เมื่อแตกตัวจะกลายเป็นน้ำตาลได้ง่ายและจะก่อให้เกิดแบคทีเรียในปาก โดยเฉพาะคราบเหนียวๆ จะติดอยู่ตามซอกฟันและยากต่อการทำความสะอาด นอกจากนี้ของขบเคี้ยวต่างๆ ก็เป็นของกินที่ง่ายต่อการเข้าไปติดตามซอกฟันและซอกเหงือก ที่ซึ่งแบคทีเรียชอบอาศัยอยู่ เคล็ดลับง่ายๆ คือรับประทานของขบเคี้ยวร่วมกับมื้ออาหาร มากกว่าการรับประทานเป็นของว่าง เพราะเมื่อเรารับประทานร่วมกับอาหารน้ำลายจะช่วยล้างคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้
          3. ไม่ควรแปรงฟันทันทีหลังจากดื่มเครื่องดื่มบางประเภทเช่นโซดาหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวบางประเภทในเครื่องดื่มที่มีรสชาติเข้มข้นเมื่อรวมตัวกับสารขจัดคราบในการแปรงฟันจะทำให้เกิดการกัดกร่อนของเคลือบฟันได้ เคล็ดลับในการป้องกันให้ฟันขาวสะอาดคือ แทนที่จะดื่มโซดาควรดื่มน้ำหรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาลจะช่วยให้น้ำลายมีการไหลเวียน แล้วหลังจากนั้นค่อยแปรงฟัน สำหรับผู้ที่มักมีอาการเสียดท้องหรือจุกเสียดได้ง่ายด้วย ให้ดื่มน้ำแทนโซดาเป็นประจำเพราะในปากอาจมีภาวะเป็นกรดได้ง่ายกว่าคนปกติ
          4. รับประทานอาหารที่มีวิตามิน C เพราะวิตามิน C เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ของร่างกาย จากการศึกษาพบว่า 25% ของคนเรารับประทานอาหารที่มีวิตามิน C น้อยกว่า 60 มิลลิกรัมต่อวัน (โดยปกติผลส้ม1 ผลจะมี วิตามิน C อยู่มากกว่า 80 มิลลิกรัมเท่ากับน้ำส้ม ประมาณ .8 ออนซ์) และจะเป็นโรคเหงือกมากกว่าคนที่ได้รับวิตามิน C อย่างน้อย 180 มิลลิกรัมหรือมากกว่า การศึกษานี้ทำกับคนอเมริกันมากกว่า 12,000 คนที่มหาวิทยาลัย New York เคล็ดลับ คือดื่มน้ำส้มตอนเช้าสัก1 แก้วเป็นประจำเพื่อให้ได้ปริมาณวิตามินC ที่พอเพียงสำหรับร่างกาย
          5. ดื่มน้ำชาในชามีสารที่ช่วยยับยั้งกลิ่น ชาเขียวหรือชาดำมีสารฆ่าเชื้อหลายอย่างบรรจุอยู่ หลายอย่างที่ช่วยป้องกันหินปูนที่เกาะอยู่ที่ซอกฟันและช่วยลดภาวะโรคเหงือกและฟันผุได้ อีกทั้งชายังช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นปราศจากกลิ่นเหม็นเพราะการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอีกด้วย จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Illinois at Chicago College of Dentistry พบว่าชาหลายประเภทมีสารฟลูออไรด์ ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพฟัน เคล็ดลับดื่มน้ำชาสักถ้วยตอนบ่าย จะช่วยทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงกระชุ่มกระชวยขึ้นได้
          6. จิบจากหลอด เครื่องดื่มประเภทโซดาหรือเครื่องดื่มบำรุงกำลังมักมีผลต่อสุขภาพฟันตามที่กล่าวมาในข้อ 3 ดังนั้นการดื่มโดยใช้หลอดจะช่วยให้ผ่านไปสู่ลำคอโดยไม่ต้องผ่านฟันได้ และจะช่วยป้องกันสารที่เคลือบฟันให้คงอยู่ เคล็ดลับเก็บสะสมหลอดไว้ในลิ้นชักที่ทำงาน ในกระเป๋า ในครัวหรือในสถานที่ซึ่งง่ายต่อการหยิบใช้
          7. ป้องกันรอยยิ้มในเวลาว่ายน้ำ อาจจะฟังดูแล้วแปลกแต่การศึกษาของศูนย์สุขภาพฟันพบว่าคลอรีนในน้ำเป็นตัวกัดกร่อนสารที่เคลือบฟัน หากเราวางแผนไปว่ายน้ำ ควรเตรียมผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันติดไปด้วย จากการศึกษาสมาคมสุขภาพฟันของอเมริกาพบว่า คลอรีนในสระอาจช่วยป้องกันแบคทีเรีย แต่หากใส่มากเกินไปจะทำให้เกิดค่าความเป็นกรดที่เป็นอันตรายทั้งต่อปอดและสุขภาพฟันได้ เคล็ดลับ แปรงฟันหลังจากว่ายน้ำและใช้ฟลูออไรด์บ้วนปากทันทีหลังจากว่ายน้ำเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
          8. รับประทานแคลเซียมให้เพียงพอ ในกระดูกต้องการแคลเซียมเช่นเดียวกับฟัน จากการศึกษาของนักวิจัยที่ Buffalo สหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่ได้รับแคลเซียมน้อยกว่า 800 มิลลิกรัมต่อวันมีสิทธิ์ที่จะเป็นโรคเหงือกและฟันผุได้ เพราะ 99% ของแคลเซียมอยู่ในกระดูกและฟัน การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอยู่จะช่วยถนอมฟันให้ยืนยาวได้ เช่นอาหารจำพวก นม เนย โยเกิร์ตเป็นต้น เคล็ดลับหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 51 ปีควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และมากกว่า 51 ปีควรได้รับประมาณ 1,200 มิลลิกรัมรับประทานแคลเซียมให้มากในแต่ละมื้อ นม 8 ออนซ์ใน 1 แก้วมีปริมาณแคลเซียม 300 มิลลิกรัมเท่ากับโยเกิร์ต 6 ออนซ์หรือเท่าเนยแข็ง 1.5 -2 ออนซ์
          9. รับประทานแอปเปิล 1 ผลต่อวัน อาหารจำพวกแอปเปิล แครอทอาหารที่ต้องเคี้ยวเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนการแปรงฟัน เมื่อเราเคี้ยวจะช่วยขจัดคราบที่สกปรกที่เคลือบฟันอยู่เป็นเวลานาน ยิ่งหากเราเป็นคอกาแฟด้วยแล้วหากรับประทานแอปเปิลวันละผลจะช่วยลดคราบที่ติดอยู่กับฟันมากทีเดียวเคล็ดลับหากไม่มีโอกาสแปรงฟันในระหว่างมื้ออาหาร แต่มีโอกาสรับประทานแอปเปิล ให้ดื่มน้ำตามด้วยเพื่อลดคราบน้ำตาลที่จะมีผลต่อสุขภาพฟัน
          10. การแสดงความรักโดยการจูบ การจูบเป็นการเพิ่มจำนวนน้ำลายที่อยู่ในปาก ซึ่งช่วยทำความสะอาดฟันและป้องกันแบคทีเรียที่เป็นทำอันตรายต่อฟันได้ เคล็ดลับการแสดงความรักโดยการจูบช่วยสร้างแสดงความสุขด้วยในเวลาเดียวกัน แต่หากเราไม่มีคนให้จูบ การเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาลก็ช่วยได้
          11. รับประทานข้าวสาลี (whole grain) มหาวิทยาลัย McMaster ของแคนาดาแนะนำว่าการรับประทานอาหารประเภทที่ทำจากข้าวสาลีจะช่วยเรื่องสุขภาพฟันได้จากการศึกษาผู้ชายจำนวน 34,000 คน เป็นเวลา 14 ปีพบว่าคนที่รับประทานขนมปังโฮลวีต 3 มื้อต่อวัน จะช่วยลดปัญหาเรื่องปากและฟันมากกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีข้าวสาลีเพียง 1 มื้อมากถึง 23%เคล็ดลับเปลี่ยนจากข้าวขาวมาเป็นอาหารประเภทข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีตข้าวซ้อมมือดีกว่า เพราะจะช่วยเรื่องโรคหัวใจลดน้ำตาลในเลือด และโรคเบาหวาน และอีกหลายโรค ทั้งยังช่วยเรื่องสุขภาพปากและฟันอีกด้วย
          มีงานวิจัยใหม่ๆ หลายชิ้น ระบุถึงโรคที่เกิดจากภาวสุขภาพฟันและเหงือกไม่แข็งแรง ว่าจะนำไปสู่โรคต่างๆ มากมายที่คาดไม่ถึงได้ เช่นโรคหัวใจโรคเบาหวาน หลอดเลือด ปอดอักเสบ โรคตับ การคลอดก่อนกำหนด และอวัยวะเพศไม่แข็งตัว แทบไม่น่าเชื่อว่า40% ของคนเรายอมรับว่าไม่เคยใช้ไหมขัดฟัน และ 35% ของคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไปไม่ไปหาหมอฟันเมื่อฟันผุรู้อย่างนี้แล้วผู้เขียนขอแนะนำว่าให้เรามารักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้สะอาดกันเถอะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ


pageview  1204990    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved