ASTVผู้จัดการรายวัน - ป่วยหวัดนกทั่วโลกพุ่ง 169 ราย ตาย 48 ราย พบติดเชื้อในจีนทั้งหมด สธ.ห่วงแพร่ระบาดเข้าไทย เหตุพื้นที่ประเทศอยู่ไม่ไกล และมีการข้ามพรมแดนตลอด สั่ง คร. สสจ. รพ.ทั่วประเทศคุมเข้ม ย้ำห้ามนำสัตว์ปีกป่วยตายมากิน

          วานนี้ (15 ม.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงอากาศหนาวเย็นมีความเป็นห่วงโรคไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์ H7N9 ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยในจีน และมีอันตรายสูง เกิดในสัตว์ปีกและติดต่อมาสู่คน จึงมอบให้กรมควบคุมโรค (คร.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ เฝ้าระวังโรคร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด ทั้งในคนและสัตว์ปีกอย่างเข้มข้น เน้นพื้นที่ที่เคยพบผู้ป่วยหรือสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนก แม้ไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกทุกสายพันธุ์ ตั้งแต่ปี 2549 ก็ตาม แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการระบาด เนื่องจากภูมิภาคเอเชียและประเทศใกล้เคียงยังมีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนก และประชาชนมีการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง

          รายงานล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 14 ม.ค. พบผู้ป่วยไข้หวัดนก สายพันธุ์ H7N9 ตั้งแต่กลางปี 2556-ปัจจุบัน รวม 169 ราย เสียชีวิต 48 ราย ผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในจีน ส่วนไทยยังไม่เคยมีรายงานพบเชื้อชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังโรคใน 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ 1.ผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง 2.ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดและมีอาการโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ 3.ผู้ป่วยปอดอักเสบที่พบตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่ป่วยในเวลาไล่เลี่ยกัน และ 4.บุคลากรการแพทย์และ สาธารณสุขหรือเจ้าหน้าที่ทางห้องปฏิบัติการที่ป่วยเป็นปอดอักเสบ

          นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวว่า อาการของสัตว์ปีกที่ติดเชื้อและป่วยจากไข้หวัดนก ได้แก่ ซูบผอม ซึม  ไม่กินอาหาร ขนยุ่ง ขนร่วง ปริมาณไข่ลดลง หน้าบวม หงอนและเหนียงบวม มีสีคล้ำ ท้องเสีย หากพบสัตว์มีอาการดังกล่าว ให้สงสัยอาจติดเชื้อไข้หวัดนก ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ปศุสัตว์ อสม.หรือผู้นำชุมชนโดยเร็วที่สุด ห้ามนำสัตว์ปีกมาจำหน่าย หรือรับประทาน ส่วนประชาชนที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก รวมทั้งไม่สัมผัสกับผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ และหากมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เช่นมีไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีกหรือผู้ป่วยปอดบวม ไอจามให้ปิดปากปิดจมูก สวมหน้ากากป้องกันโรค เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจาย และรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสโรคหรือแจ้งประวัติการเดินทาง