HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ผู้จัดการรายวัน [ วันที่ 11/05/2555 ]
'โรคพ่อทำแม่ทำ'ยุค 2012

เมื่อเอ่ยถึง"โรค" เป็นความผิดปกติในตัวเด็กที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ใครจะไปนึกว่า อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ผิดพลาดและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซึ่งนับเป็นเรื่องของความละเอียดอ่อนในการเลี้ยงลูกที่พ่อแม่ทุกคนควรเรียนรู้ และเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดกับลูกอันเป็นที่รักอย่างแน่นอน
          วันนี้ทีมงาน Life & Family ได้มีโอกาสพูดกับพญ.ตวงพร สุรพงษ์พิวัฒนะ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ผู้เขียนหนังสือเคล็ดลับเลี้ยงลูก "4 ดี" ถึงประเด็นดังกล่าว และสามารถสรุป "โรคพ่อทำแม่ทำในยุค 2012"ออกเป็น 4 โรคหลักๆ เพื่อให้พ่อแม่เกิดการฉุกคิดและให้ความใส่ใจในการเลี้ยงลูกกันมากยิ่งขึ้น เริ่มจาก
          โรคสมาธิสั้น
          ในยุคที่เร่งรีบและแข่งขันสูง พ่อแม่หลายๆ คนมีเวลาให้ลูกน้อยลง ทำให้สื่อต่างๆอย่างโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่ โดยสื่อเหล่านี้ถือเป็นน้ำผึ้งเคลือบยาพิษสำหรับเด็กเลยก็ว่าได้ การปล่อยให้เด็กอยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมมากๆ อาจทำให้ความฉลาดลดลง เนื่องจากสมองจะทำงานแค่ระดับตื้นๆคือแค่เห็นภาพและรับรู้ภาพแล้วเปรียบเทียบกับความจำเก่า เพราะโทรทัศน์จัดภาพให้เสร็จสรรพ เด็กดูเหมือนฉลาด แต่มักจะเรียนรู้จากความจำระดับตื้นๆ ขาดจินตนาการและการคิดต่อยอด ในที่สุดเด็กก็จะกลายเป็นคนคิดอะไรแบบผิวเผินสมาธิไม่ดี ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้หรือผลการเรียนแย่ลงดังนั้น ไม่ควรให้เด็กนั่งหน้าจอก่อนอายุ 2 ขวบ เพราะจะทำให้ไม่ได้รับการกระตุ้นในเรื่องต่างๆ
          "ทุกวันนี้ สภาพแวดล้อมยุ่งยากกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้การเลี้ยงลูกยากขึ้น ประกอบกับครอบครัวไทยยุคใหม่ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่ต้องทำงานและมีเวลาให้ลูกน้อยลงส่งผลให้พ่อแม่และลูกมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันน้อยลงตามไปด้วยกลายเป็นสื่อที่เข้ามาทดแทนโดยเฉพาะโทรทัศน์ เป็นสื่อที่น่ากลัวมาก แม้แต่หมอหรือผู้ใหญ่หลายๆ คนยังไม่สามารถคัดกรองได้ดีเลย นับประสาอะไรกับเด็ก ทางที่ดี ถ้าไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กสมาธิสั้น ควรปรับสภาพแวดล้อมให้เด็กอยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมน้อยลง" พญ.ตวงพรเผย
          โรคเครียด
          ปฏิเสธไม่ได้ว่า พ่อแม่ทุกคนล้วนมีความกลัวอยู่ในตัวว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดี หรือส่งเสริมศักยภาพให้ลูกได้ไม่เต็มที่เมื่อเป็นเช่นนี้หลายๆ คนจึงกดดันและค่อยๆ นำความเครียดของตัวเองไปลงที่ตัวเด็ก เพื่อตอบสนองในสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำหรืออยากให้เป็น เช่น ต้องเรียนตามโปรแกรมที่พ่อแม่วางเอาไว้ หรืออยู่ในกรอบที่พ่อแม่กำหนด แต่นั่นหารู้ไม่ว่าคุณกำลังทำให้เด็กเครียด ยิ่งถ้าเด็กถูกกดดัน หรือถูกอัดวิชามากเกินวัยด้วยแล้ว เด็กอาจกลายเป็นม้าตีนต้น แต่ตายตอนจบได้ หมายความว่าพอถึงจุดหนึ่งเด็กจะรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่สนใจเรียนในที่สุด
          "พ่อแม่บางคนอยากให้ลูกเป็นนักร้องก็เลยเชียร์ให้ลูกร้องเพลง แต่จริงๆ แล้วลูกชอบปั้นดินน้ำมัน ชอบเล่นกีฬามากกว่าการที่พ่อแม่จับกิจกรรมไม่ตรงจริตเด็ก อาจเกิดเป็นความเครียดตามมาได้ และเมื่อเกิดความเครียดสะสมมากขึ้นถ้าเด็กไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ โอกาสที่เด็กจะออกไปหาวิธีระบายในทางที่ไม่เหมาะสมย่อมเกิดได้สูง" จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น สะกิดใจพ่อแม่ให้ลองคิด
          โรคติดเกม/อินเทอร์เน็ต       ปัญหาเด็กติดเกม เป็นปัญหาที่ค่อยๆ ซึมลึกและยากที่จะแก้ไขเข้าไปทุกที จนหลายๆ ฝ่ายเริ่มเป็นห่วงและกลัวว่าเด็กยุคใหม่จะเป็นโรคติดเกมติดอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อมในบ้านที่ไม่มีการฝึกวินัยในการเล่น หรือบางบ้านปล่อยให้เกมและคอมพิวเตอร์เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนลูกแทนพ่อแม่ เนื่องจากไม่มีใครช่วยดูอย่างไรก็ดี ปัญหาเด็กติดเกม ใช่ว่าจะเกิดจากครอบครัวที่มีปัญหาเสมอไป หลายครอบครัวที่อบอุ่นแต่ไม่รู้มาก่อนว่า เกมจะก่อปัญหาจึงให้ลูกเล่นตามใจชอบตั้งแต่เด็ก ทำให้เด็กค่อยๆ ติดจนกลายเป็นโรคติดเกมในที่สุด ยิ่งถ้าพ่อแม่ไม่มีกิจกรรมดีๆ มารองรับด้วยแล้วก็ยากที่จะกู่กลับ บางคนติดเกมจนไม่สนใจเรียนกันเลยก็มี
          ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กเล่นจนกลายเป็นโรคติดเกม ควรสร้างข้อตกลงในการเล่นหรือวางรูปแบบใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็กๆ เช่น ฝึกให้เด็กเล่นจนครบเวลาตามที่กำหนดไว้และให้ลูกปิดคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง ซึ่งไม่ควรเล่นเกิน 3 ชม.ต่อวัน เพราะมีการศึกษาวิจัยพบว่า เด็กที่เล่นเกินลิมิตดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะติดเกมมากกว่าเด็กที่เล่นน้อยครั้งถึง 3 เท่าเลยทีเดียว ถัดมาคือควรหากิจกรรมเสริมที่น่าสนใจและสนุกสำหรับเด็ก เช่น พากันไปออกกำลังกาย ทำงานศิลปะเป็นต้น
          ภาวะ/โรคซึมเศร้า
          โลกของเด็กเล็กมีเพียงพ่อกับแม่เท่านั้น การกระทำและการแสดงออก รวมไปถึงการใช้คำพูดของพ่อแม่ ควรถนอมน้ำใจเด็ก และทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย หากปล่อยให้อารมณ์หงุดหงิดง่าย ควบคุมตัวเองไม่ค่อยดี มีความเครียดสะสมและหลุดแสดงอารมณ์ไม่พอใจใส่เด็กเมื่อเด็กทำสิ่งต่างๆได้ไม่ดีหรือเอาปัญหามาลงที่ตัวเด็ก สิ่งเหล่านี้หารู้ไม่ว่าคุณกำลังทำให้ลูกเกิดความกลัว เก็บกด ขาดความเชื่อมั่นนับถือตัวเองต่ำและเกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นได้ ในขณะที่เด็กบางคนอาจเป็นด้านตรงกันข้าม คือ ก้าวร้าว และมีอารมณ์รุนแรง ทางที่ดีครอบครัวควรให้ความรัก ความเข้าใจ สอนให้เด็กเข้มแข็ง รู้จักใช้เหตุผลและแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นควรลดความขัดแย้งต่างๆ ในครอบครัวลงด้วย
          "พ่อแม่ที่รักลูกอย่างสุดหัวใจเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ถ้ารักไม่ถูกทางก็อาจนำมาซึ่งปัญหาได้ เช่น ชดเชยเวลาที่หายไปจากการทำงานด้วยการตามใจซื้อของเล่นให้เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งความรักในลักษณะนี้เป็นการปลูกฝังนิสัยเอาแต่ใจให้เด็กในตอนโตได้ เกิดเป็นปัญหาพฤติกรรมที่สร้างความหนักใจให้แก่พ่อแม่ตามมา ดังนั้น การเลี้ยงลูก ไม่ใช่เรื่องยากแค่รู้จักเด็ก และควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี มีการใช้สัมผัส ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ตลอดจนใช้เวลาคุณภาพร่วมกันก็จะช่วยให้การอยู่ร่วมกันกับเด็กเป็นเรื่องง่ายและมีความสุขมากยิ่งขึ้น" พญ.ตวงพรสรุป
 


pageview  1205142    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved