น่าตกใจที่คนไทยเสียชีวิตเฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คนจากโรคมะเร็ง สาเหตุจาก "อนุมูลอิสระ" ซึ่งต้นตอของอนุมูลอิสระนั้นมีอยู่ทั้งภายนอกและภายในร่างกายของเรา ภายนอกได้แก่ มลพิษในอากาศควันบุหรี่ แสงแดด คลื่นความร้อนและอื่นๆอีกมากมาย ส่วนสารอนุมูลอิสระที่อยู่ภายในของร่างกายเราเองก็คือ กระบวนการเผาผลาญออกซิเจนในเซลล์ การย่อยทำลายเชื้อแบคทีเรียของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

          การวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินอีวิตามินซี และเบตาแคโรทีน ทั้งสามตัวสามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้ โดยวิตามินซีซึ่งละลายน้ำทำหน้าที่จับอนุมูลอิสระในเซลล์ที่เป็นของเหลวป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกอนุมูลอิสระทำลาย ส่วนวิตามินอีละลายในไขมัน ช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ส่วนวิตามินเอ ซึ่งละลายได้ในไขมัน และอยู่ในรูปของเบตาแคโรทีนหรือแคโรทีนอยด์นั้นมีอยู่ในอาหารธรรมชาติกว่า 600 ชนิด ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการกลายพันธุ์ของเซลล์ ป้องกันเนื้องอก และมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพด้านอื่นๆอีกด้วย เช่นลดความเสี่ยงการเสื่อมของตาเนื่องจากสูงอายุลดการเกิดต้อกระจก โรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี

          มังคุด...สรรพคุณล้น

          มังคุดขึ้นชื่อด้านความอร่อยเป็นราชินีผลไม้ เป็นหนึ่งในผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าในการป้องกันและรักษาสุขภาพให้กับผู้คนมายาวนาน ศ.พญ.สุมิตรา ทองประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อค้น

          หาสารสกัดจากมังคุด พบว่าผลมังคุดมีสารแซนโทนมากกว่า 40 ชนิด สารแซนโทนนั้นเป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่สามารถพบได้ในผักและผลไม้ ในธรรมชาติสารแซนโทนมีมากกว่า 200 ชนิด ปัจจุบันทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ความสนใจในการศึกษาและวิจัยถึงคุณประโยชน์อันน่ามหัศจรรย์ของสารประกอบจากธรรมชาติชนิดนี้อย่างแพร่หลาย

          นักวิจัยทำการศึกษาและวิจัยสารสกัดจากมังคุดอย่างต่อเนื่องมากว่า 31 ปี พบว่าแซนโทนที่มีสรรพคุณสูงสุด คือ GM-1 ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัยกว่าสารที่ให้รสเปรี้ยวในส้มถึง5 เท่า สารนี้มีสรรพคุณในการป้องกันและรักษาโรคมากมาย อาทิ การระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียมีประสิทธิภาพในการฆ่าแบคทีเรียได้เทียบเท่ายาปฏิชีวนะ ป้องกันและต้านการอักเสบ โดยมีประสิทธิภาพถึง3 เท่าของแอสไพริน ระงับอาการปวด และลดการแพ้ได้

          "ยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระและกำจัดเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองได้สำเร็จคณะนักวิจัยจึงสานต่อผลงานในครั้งนั้น ให้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในมนุษย์ โดยผสมกับสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ฝรั่งงาดำ ถั่วเหลือง และใบบัวบก ทำให้สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดีส่งผลให้เซลล์มะเร็งในร่างกายลดลง"

          ทั้งยังมีการต้านอนุมูลอิสระได้ดี ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ซึ่งมีสาเหตุที่เกิดจาก LDL Cholesterol Oxidation ยังพบว่าสารสกัดจากมังคุดยังช่วยยับยั้งการเจริญและฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับเซลล์ดีที่อยู่รอบๆ และสามารถระงับการเจริญของเชื้อวัณโรคและเชื้อ HIV ได้ด้วย

          จากนั้นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์จากหลากหลายสาขาวิชาการ ทำการวิจัยต่อยอดเชิงปฏิบัติของสารสกัดธรรมชาติจากมังคุดหรือเรียกกันว่า Operation BIM ปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกันสมดุล จนเกิดเป็นสารอาหารที่ช่วยปรับระดับภูมิคุ้มกันให้สมดุลที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและไร้ผลข้างเคียงช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้น เพราะร่างกายสามารถป้องกันสารแปลกปลอมจากภายนอกที่ทำลายสุขภาพ และก่อให้เกิดโรคร้าย เช่นสารเคมีอันตราย เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสตลอดจนเซลล์มะเร็ง และร่างกายสามารถลดอาการผิดปกติ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะแพ้ภูมิตัวเอง

          โดย Balancing Immune เป็นการนำสารธรรมชาติจากผลไม้และธัญพืชหลากหลายมาเสริมประสิทธิภาพกับสาร GM-1 จากมังคุดจนเกิดผลกระตุ้นการหลั่ง Interleukin 2-อินเตอร์ลิวคิน 2 ซึ่งเป็นชีวโมเลกุลที่เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มากขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์แต่ไม่มากเกินไปจนเกิดผลข้างเคียง สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้ใช้ Interleukin 2 เป็นยาฉีดเข้าเส้นเลือดและเข้าใต้ผิวหนัง เพื่อรักษามะเร็งขั้นสุดท้ายหลังจากการทดสอบจนแน่ใจว่ามีประสิทธิภาพสูงปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียงM

          ผลไม้สดลดโรค

          อ.สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟ กำลังรณรงค์การกินผักผลไม้ให้เป็นวาระของโลก เพราะไม่เพียงแค่คนไทยเท่านั้น การกินผักผลไม้ของคนทั่วโลกมีอัตราลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะคนไทยลดลงอย่างน่าใจหาย

          ทั้งที่ผลไม้มีกากใย วิตามิน และแร่ธาตุซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย และผลไม้ให้น้ำตาลเพื่อเพิ่มเติมพลังงาน ซึ่งร่างกายควรจะได้รับทั้งสองอย่างในปริมาณที่เหมาะสม จากการวิจัยยังพบว่าการบริโภคผลไม้อย่างเพียงพอจะทำให้โอกาสเป็นโรคต่างๆ น้อยลงด้วย ยิ่งกินผลไม้สดลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ถึง 20% รวมทั้งโรคเรื้อรังอื่นๆเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และหลอดเลือดสมองลดลงได้ ดังนั้นควรบริโภคอย่างน้อย2 หน่วยมาตรฐาน ฉะนั้นควรกินผักวันละประมาณ 240 กรัม และกินผลไม้อย่างน้อยวันละ 160 กรัม (4 ขีด) มาตรฐานของการบริโภคผลไม้ใน 1 มื้อ เทียบได้คือ กล้วยน้ำว้า 1 ลูก ส้มเขียวหวาน 1 ลูกใหญ่ เงาะ 4 ลูก

          ล้างพิษด้วยผลไม้

          การล้างพิษด้วยผลไม้มีหลายวิธี จะกินผลไม้ทั้งวัน ดื่มน้ำผลไม้ทั้งวันหรือกินผลไม้และดื่มน้ำผลไม้ทั้งวันก็ได้ดื่มน้ำเปล่าๆทั้งวันก็ได้ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน เจ้าของเอสเมดิคอลคลินิค บอกว่า ถ้าหากจะเริ่มอด แนะนำให้ใช้วิธีกินผลไม้อย่างเดียว และให้อดเพียงวันเดียวก่อน เริ่มต้นจากให้เลือกผลไม้ที่ชอบมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ยกเว้นทุเรียน น้อยหน่าลำไย ลิ้นจี่ ขนุน เพราะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง ทำให้ระบบย่อยไม่ได้พักอย่างเพียงพอและไม่ควรเลือกสับปะรด เพราะอาจจะกัดปาก เมื่อเลือกได้แล้วก็ให้กินผลไม้นี้เป็นอาหารเช้า กลางวัน เย็น ถ้าหิวก็ดื่มน้ำผลไม้เป็นมื้อเบรกได้ เริ่มต้นอดตั้งแต่มื้อเช้าไปเรื่อยๆจนถึงเช้าของอีกวัน เลิกอดด้วยการดื่มน้ำ2 ลิตรแต่ละลิตรให้บีบน้ำมะนาวลงไป 2 ลูก ใส่เกลือลงไปลิตรละ 2 ช้อนชาพูนๆ ดื่มให้หมดจากนั้นคุณจะถ่ายออกมา เป็นการทำความสะอาดล้างท่อลำไส้ สำหรับผลไม้ที่ช่วยในการล้างพิษที่ดีคือ

          แอปเปิล: เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเปกตินในแอปเปิลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่าแถมยังมีเส้นใยมากที่จะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก

          องุ่น : เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับลำไส้ และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆ ในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย อุดมด้วยเกลือแร่ จึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย องุ่นยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และกรดผลไม้ของมันยังช่วยในการลดเซลล์ผิวด้วย

          มะละกอ มะม่วง: มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่มะม่วงจะมีสารสำคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อย ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อปาเปนซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ที่จะช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีน แตกตัวได้เร็วเช่นเดียวกับโปรเมลิน มะละกอยังมีเอนไซม์ที่ช่วยในเรื่องการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกอย่างอ่อนโยน

          แตงโม :จะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะลดความดันเลือดสูง ทำให้สบายท้อง มีสรรพคุณเปรียบเสมือนไวอะกร้าในผู้หญิง

          ผลที่จะได้จากการล้างพิษโดยการอด คือน้ำหนักจะลดลง ควบคุมน้ำหนักตัวได้ดีขึ้น ไขมันในเลือดจะลดลง ความดันเลือดลดลง กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ผู้ที่เป็นเบาหวาน จะควบคุมเบาหวานได้ง่ายขึ้น การอด 24 ชั่วโมงนี้ ถ้าคุณไม่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หรืออ่อนเพลียมาก ก็ทำได้เองที่บ้าน แต่คนท้องและเด็กที่อายุไม่ถึง18 ปี ห้ามอดเด็ดขาด และถ้ามีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมีอาการอ่อนเพลียมาก ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นสุดยอดผลไม้

          นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการศึกษาแหล่งอาหารไทยที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อใช้เป็นข้อมูลส่งเสริมให้ประชาชนทั่วประเทศได้บริโภคสารสำคัญจากผลไม้ไทยอย่างต่อเนื่องทุกวันโดยศึกษาผลไม้ที่มีการบริโภคในประเทศไทย 83 ชนิดในปริมาณ 100 กรัม นั้นให้คุณประโยชน์กับร่างกายดังนี้

          ผลไม้ที่มีสารเบตาแคโรทีนมากที่สุด 5 อันดับแรก

          1.มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

          2.มะเขือเทศราชินี

          3.มะละกอสุก

          4.มะปรางหวาน

          5.แคนตาลูปเหลือง

          ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินอีสูงสุด 5 อันดับแรก

          1.ขนุนหนัง

          2.มะขามเทศ

          3.มะม่วงเขียวเสวยดิบ

          4.มะเขือเทศราชินี

          5.มะม่วงเขียวเสวยสุก

          ผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด 5 อันดับแรก

          1.ฝรั่งกลมสาลี่

          2.ฝรั่งไร้เมล็ด

          3.มะขามป้อม

          4.มะขามเทศ

          5.เงาะโรงเรียน