รศ.พญ.วิไล คุปต์นิรัติศัยกุล หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกรรมการมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย แนะนำ 5 เคล็ด (ไม่)ลับที่ช่วยเติมพลังแคลเซียมให้กับร่างกายแบบเต็มร้อยทุกวันเพื่อสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง
1.เลือกดื่มนมและอาหารที่มีแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม เพราะแคลเซียมที่อยู่ในอาหารแต่ละชนิดนั้นให้ปริมาณแคลเซียมไม่เท่ากัน แต่นมคือแหล่งของแคลเซียมที่ดีที่สุด
2.วิตามินดีและแมกนีเซียม คู่หูคนสำคัญของแคลเซียม เพราะวิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น โดยวิตามินดีมีอยู่ในนมปลาแซลมอน เห็ด ไข่แดง น้ำมันพืช และแสงแดด โดยเราควรรับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าและเย็น ประมาณ 10-15 นาทีต่อวัน ในขณะที่แมกนีเซียมทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการสังเคราะห์และควบคุมการขนส่งของแคลเซียม มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูก โดยแมกนีเซียมพบในถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ หรือผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกด พรุนและอินทผลัม เป็นต้น
3.เสริมพลังกระดูกด้วยการออกกำลังกายที่ใช้การแบกรับน้ำหนักตัว หรือการออกกำลังกายที่มีการต้านแรงดึงดูดของโลก จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ให้กระดูกได้ออกแรงทำงานและชะลอการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้เช่น วิ่ง กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง สำหรับผู้สูงอายุ ควรออกกำลังกายแบบแบกรับน้ำหนักตัวที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การเดิน เต้นแอโรบิกตีกอล์ฟ โยคะ และไทชิ
4.หลีกเลี่ยงผักที่ยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมเพราะผักบางชนิดมีสารไฟเตตและออกซาเลตในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งดูดซึมแคลเซียม เช่น ผักโขม มันเทศ รำข้าวสาลีพืชมีเมล็ด และโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งอาจแก้ไขได้ด้วยการบริโภคผักที่มีแคลเซียมปานกลางถึงสูง แต่มีออกซาเลตต่ำ อาทิ คะน้ากวางตุ้ง ขี้เหล็ก ตำลึง บัวบก และถั่วพู เป็นต้น
5.หลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่ เพราะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในระบบทางเดินอาหาร มีผลกระทบต่อตับในการกระตุ้นให้วิตามินดี
พร้อมทำหน้าที่ในการดูดซึมแคลเซียมจากทางเดินอาหาร ขณะที่เครื่องดื่มที่มีสารกาเฟอีน ทั้งชา กาแฟ น้ำอัดลม และช็อกโกแลต ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมามากเกินไปเช่นกัน