HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
โพสต์ทูเดย์ [ วันที่ 04/10/2556 ]
'สปาไทยบูม' เร่งปั้นคนก่อนโดนแซง

  "สปาไทย"เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้เข้าประเทศไทยในแต่ละปีจำนวนไม่น้อย และได้รับการยอมรับเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก แต่ยิ่งนานวันดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมสปาไทยจะมีคู่แข่งมากขึ้น โดยเฉพาะชาติในอาเซียนด้วยกันอย่างสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ที่ต่างเพิ่มดีกรีพัฒนาจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อช่วงชิงลูกค้ากับไทย
          สำหรับเรื่องนี้ภัททิราพร เขียวสนั่นอุปนายกสมาคมสปาไทย อธิบายว่า ปัจจุบันปัญหาของอุตสาหกรรมสปาไทย คือ การเติบโตที่รวดเร็วมากตามเทรนด์ของโลกที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการสปาในต่างประเทศมีความต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านสปาจากไทยไปทำงานด้วย เนื่องจากสปาไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้การพัฒนากำลังคนด้านสปาของไทยไม่เพียงพอกับความต้องการ
          "สาเหตุหลักเกิดจากดีมานด์และซัพพลายไม่สมดุลกัน แต่ทางสมาคมก็ไม่อยากเร่งรัดผลิตคนจำนวนมากแต่ไม่มีคุณภาพตอนนี้ได้หารือร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อ
          กำหนดคุณสมบัติบุคลากรสปาให้ตรงกันในอาเซียน และร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานฝึกอบรมบุคลากรรองรับอีกทางด้วย"
          ขณะเดียวกันได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อวางแผนหลักสูตรให้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ รวมทั้งร่วมเป็นวิทยากรหรืออาจารย์พิเศษในการอบรมนักศึกษา เพื่อเตรียมพร้อมให้นักศึกษาเหล่านี้พร้อมเข้าสู่สถานประกอบการจริงได้ทันทีหลังเรียนจบ
          ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดสปาไทยมีมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท มีการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 10-12% มีบุคลากรด้านสปาไทยทั้งหมด 7 หมื่นคนและมีจำนวนสถานประกอบการสปาไทยที่จดทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว 1,400-1,500 แห่ง แต่หากดูภาพรวมตลาดท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง1.7 ล้านล้านบาท โดยภูมิภาคเอเชียครองสัดส่วนสูงสุด26% ซึ่งไทยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 13% เป็นอันดับ 2 ของตลาดอาเซียน รองจากสิงคโปร์ที่มีส่วนแบ่ง 26%เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีสูงกว่า
          นอกจากสิงคโปร์แล้ว อินโดนีเซียก็เริ่มมาแรงด้วยการนำเสนอโปรดักต์การนวดสไตล์อินโดฯ (สไตล์บาหลี) แถมการลงทุนพัฒนาบุคลากรเร็วกว่าไทย มีการทำหลักสูตรสปาที่เหมาะสม พร้อมตั้งคณะทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ
          ขณะเดียวกัน ไม่ควรมองข้ามฟิลิปปินส์และมาเลเซีย เนื่องจากทั้งสองประเทศมีนโยบายและเป้าหมายชัดเจนที่จะผลักดันธุรกิจสปาและตลาดท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพให้เทียบชั้นกับไทยให้ได้ขณะที่เวียดนาม พม่า กัมพูชา และลาว ก็กำลังดึงดูดการลงทุนเข้าไปมากขึ้นเช่นกัน
          อย่างไรก็ตาม ภัททิราพร เชื่อว่าการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) น่าจะเป็นทั้งโอกาสและตัวกระตุ้นให้ผู้ประกอบการสปาไทยต้องตื่นตัวในการพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น เพราะจะมีการแข่งขันที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งไทยจะต้องหากลยุทธ์ดึงลูกค้าและรักษาส่วนแบ่งทางตลาดไว้ให้ได้ เพราะในอนาคตฐานของตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะมีมูลค่ามากกว่าเดิม
          "เรายังเชื่อว่าไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้แน่นอน ซึ่งไทยต้องพยายามรักษาจุดเด่นเพื่อสู้กับประเทศในเอเชียที่เริ่มบุกอุตสาหกรรมสปามากขึ้น และคาดหวังว่าเมื่อเปิดเออีซีจะทำให้ตลาดสปาไทยโตขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปี"
          ขณะเดียวกัน ตอนนี้เริ่มมีผู้ประกอบการสปาไทยที่ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วโดยส่วนใหญ่จะเข้าไปพร้อมกับการขยายตัวของธุรกิจโรงแรมทั้งกลุ่มเซ็นทรัล แมริออท อินเตอร์คอนติเนตัล และแกรนด์ไฮเอท ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการสปาขนาดเล็กกลางก็จะขยายเข้าไปในลักษณะของการช่วยติดตั้งระบบให้กับเจ้าของทุนในประเทศนั้นๆ และมีบางส่วนที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพความสวยความงามที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศภูฏานและเกาหลีอีกด้วย


pageview  1205849    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved