HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 11/04/2555 ]
สอบ3ผอ.รพ.พันซูโดฯ ดีเอสไอชี้หลักฐานชัดเจนจ่ายยาผิดกฎหมาย

"ดีเอสไอ" เตรียมเรียกผู้บริหาร โรงพยาบาล 3 แห่งเข้าสอบปากคำคดียาแก้หวัดหายออกจากระบบ เผยหากหลักฐานชัดพัวพันยาเสพติดพร้อมแจ้งข้อหาเพิ่ม "พสิษฐ์” บุกบริษัทยาย่านวังทองหลาง ขายซูโดฯ สูตรเดี่ยวให้แก่คลินิก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ แต่พบบริษัทไม่เกี่ยวข้องพร้อมเดินหน้าตรวจสอบบริษัทยาอื่นเพิ่ม หลังจากเช็คยอดขายเจอเพียง 40,000 เม็ด  ขณะที่คลินิกจอมทองมียอดสั่งซื้อแสนเม็ด  

ความคืบหน้าคดียาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน นายสรรเสริญ  ปาลวัฒน์วิไชย  รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  (ดีเอสไอ)  กล่าวว่า ภายหลังประชุมร่วมกับ 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนออกจากระบบเพื่อนำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดว่า  ที่ประชุมได้หารือเพื่อหาแนวทางดำเนินทางกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน เนื่องจากคดีดังกล่าวมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก 

เบื้องต้นได้ข้อสรุปสำนวนคดีบางส่วนที่พบว่ามีความชัดเจนในการกระทำความผิด 3 โรงพยาบาล ประกอบด้วย รพ.ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถดำเนินคดีได้ทันที โดยจะเรียกผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดที่ถูกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตั้งกรรมการลงโทษทางวินัยแล้ว มาสอบข้อมูลเพิ่มเติม หากพบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ยา และ พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

ขณะนี้ยังพบข้อมูลความผิดปกติของอีกหลาย รพ. ซึ่งมีทั้ง รพ.รัฐ เอกชน และคลินิก จะดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป โดยสถานพยาบาลที่เข้าข่ายถูกดำเนินคดียาเสพติดจะต้องครอบครองซูโดอีเฟดรีนตั้งแต่ 80-100 เม็ดขึ้นไป 

นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่าในส่วนรพ.ศูนย์อุดรฯ ค่อนข้างชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการผลิตยาเสพติด เนื่องจากล็อตนัมเบอร์ยาแก้หวัดจาก รพ.ศูนย์อุดรไปพบอยู่ในสันกำแพง แต่จะสอบสวนจนได้หลักฐานที่แน่นหนาก่อนจึงจะแจ้งข้อหาในคดียาเสพติด”

ด้าน นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ  กล่าวว่า ได้เดินทางเข้าพบกับร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง  รองนายกรัฐมนตรี  เพื่อรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีดังกล่าว  ซึ่งขณะนี้พบความเชื่อมโยงระหว่างรพ.ต่าง ๆ แล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกต่อไป
 

ตรวจพบยาหาย 6 หมื่นเม็ด

นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกัน ปราบปรามฟื้นฟู และเยียวยาด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข  เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) เขาพร้อมด้วยคณะทำงานฯ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทยาแห่งหนึ่งในเขตวังทองหลาง ที่ขายยาให้กับคลินิกแห่งหนึ่งใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นการขยายผลกรณีพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวถึง 1 แสนเม็ด โดยใช้ไปแล้ว 96,000 เม็ดแต่ไม่มีหลักฐานว่าจ่ายยาให้ใครอย่างไร โดยเหลือยาเพียง 4,000 เม็ดเท่านั้น 

จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของบริษัท พบว่า บริษัทยาแห่งนี้ขายยาให้กับคลินิกใน.อ.จอมทอง  40,000 เม็ดเท่านั้น ขณะที่จำนวนยอดการสั่งซื้อตั้งแต่ปี 2554 ถึงเดือนก.พ. 2555 มีจำนวน 100,000 เม็ด ดังนั้นทางคณะทำงานฯ และดีเอสไอจะต้องมีการตรวจสอบว่ายาสูตรเดี่ยวอีก 60,000 เม็ดหายไปไหน โดยจะขยายตรวจสอบไปยังบริษัทยารายอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป ซึ่งได้ขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบข้อมูลการจำหน่ายของบริษัทยาต่างๆ ด้วย 

นายพสิษฐ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ดูข้อมูลจากทางบริษัทยาในเขตวังทองหลางที่เข้าตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าทางบริษัทยาทำถูกต้องแล้ว และไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการผลิตและขายไปตามยอดการสั่งซื้อตามระบบปกติ  และมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ดังนั้นอาจจะเป็นผู้แทนยา หรือ เซลส์ขายยา ที่น่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และอาจจะมีมากกว่า 1 คน  ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่ 
 

คลินิกจอมทองยาหาย 9.6 แสนเม็ด

นายพสิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเจ้าของคลินิกที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นั้น คงต้องมีการดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ เพราะเจ้าของคลินิกเป็นแพทย์ผู้ใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข โดยสามารถแจงรายละเอียดการใช้ยาซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวได้เพียง 4,000 เม็ดเท่านั้น ส่วนที่เหลือ 96,000 เม็ด ไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดการสั่งจ่ายได้ จึงได้ทำหนังสือถึงนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เพื่อสั่งการไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุขำเนินการต่อไป 

นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ในช่วงสงกรานต์นี้ทางคณะทำงานฯอาจจะขึ้นไปภาคเหนือเพื่อตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วนจากนั้นจะทำรายงานเสนอ รมว.สาธารณสุข ดีเอสไอ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ต่อไป โดยคณะทำงานฯยังตรวจสอบสถานพยาบาลไม่ครบทุกแห่งแต่จะพยายามดำเนินการให้ครบถ้วน โดยต้องรอข้อมูลจาก อย.เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ยอมรับว่า การตรวจสอบทำได้ยากขึ้น แต่ก็จะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามที่น่าหนักใจคือกรณีที่อาจจะมีเซลล์ขายยาเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้การตรวจสอบทำได้ยาก 

เมื่อถามว่า ทำไมต้องเสนอให้มีการขายยาซูโดอีเฟดรีนสูตรผสมพาราเซตามอลในร้านขายยา นายพสิษฐ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคเข้ามาว่า การให้ใช้ยาสูตรดังกล่าวได้เฉพาะใน รพ.นั้นทำให้ไม่สะดวกในการไปรับยา ขณะเดียวกันได้รับการชี้แจงว่า การนำยาสูตรผสมพาราเซตามอลไปสกัดเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดทำได้ยาก จึงได้ทำหนังสือเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข ซึ่งก็แล้วแต่จะพิจารณาอย่างไร  แต่ก็ได้เสนอไปว่า ถ้าห้ามจำหน่ายยาซูโดอีเฟดรีนสูตรผสมพาราเซตามอลในร้านขายยาก็ควรห้าม รพ.รัฐ  รพ.เอกชน หรือคลินิก ใช้ซูโดอีเฟดรีนทุกชนิด  เพราะเท่ากับว่าเป็นการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน


pageview  1205081    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved