HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

"จีอี" ยักษ์ใหญ่กลุ่มสินค้าเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาประกาศทุ่มงบวิจัย-พัฒนากว่า 6 พันล้านดอลลาร์ หวังขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน นำร่องด้วยแผนธุรกิจ ล่าสุด บุกตลาดพม่าขายเครื่องมือแพทย์เทคโนโลยีใหม่ เน้นเจาะกลุ่มโรงพยาบาล พร้อมดันไทยขึ้นฮับอาเซียน หลังเปิดค้าเสรี มั่นใจปีนี้เติบโต 2 หลัก ชูนวัตกรรมเทคโนโลยี เน้น "ลดใช้พลังงาน"

นายโกวิทย์ คันธาภัสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีอี ประเทศไทย เปิดเผย "กรุงเทพธุรกิจอาเซียนพลัส" ว่า จีอี ในปีนี้ได้ใช้งบวิจัยและพัฒนา 6% ของรายได้ทั่วโลก หรือกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีอยู่พร้อมทั้งขับเคลื่อนธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ลูกค้าใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัยของจีอี

พร้อมกันนี้ ได้มองเห็นโอกาสในการขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งเปิดตัวอย่าง "พม่า" ที่มองว่ามีโอกาสทางการตลาดค่อนข้างมาก เนื่องจากรัฐบาลพม่าได้เปิดโอกาส ให้กับนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในประเทศมากขึ้น

เนื่องจาก จีอีมองว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่น่าจับตามองและน่าลงทุนเป็นอย่างยิ่งและมีโอกาสก้าวขึ้นสู่การเป็นภูมิภาค ที่น่าลงทุนของนักลงทุนลำดับต้นๆ ของโลก แซงหน้ายุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้ ปัจจุบันอาเซียนถือว่าอยู่ลำดับต้นๆ ของโลกใกล้เคียงกับอินเดีย (ไม่รวมจีน)

ประกอบกับการเปิดเขตเสรีการค้าหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ในอีก 3 ปีข้างหน้า จะทำให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจอย่างมากของนักลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องของกฎเกณฑ์ด้านภาษีที่ลดเหลือ 0% รวมถึงการเงิน และโลจิสติกส์ต่างๆ ซึ่งทำให้จีอีสามารถดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจประเภทใดก็ตาม

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา จีอี ประเทศไทย ได้เซ็นสัญญากับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในประเทศพม่า เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจ จีอี เฮลธ์แคร์ หรือเครื่องมือแพทย์ อาทิเช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอ และเครื่องอัลตราซาวนด์ ฯลฯ โดยมุ่งจับกลุ่มลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล เนื่องจากความต้องการในเรื่องของสินค้าเครื่องมือแพทย์ในพม่า ยังมีอีกมาก เพราะโครงสร้างด้านสาธารณสุขยังไม่ดีเท่าที่ควร

นอกจากนี้ จีอี ยังได้เตรียมแผนลงทุนในพม่าอย่างต่อเนื่อง โดยต้องรอดูนโยบายภาครัฐ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการลงทุนครั้งต่อไป ซึ่งอาจมีแผนเข้าไปตั้งสำนักงานในพม่าเหมือนอย่างที่ตั้งใน สปป.ลาวในขณะนี้ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของตลาดที่มีอยู่มาก แต่ที่ลาวศักยภาพยังไม่สูงเท่ากับประเทศพม่าเพราะมีพื้นที่น้อยกว่า

"การตัดสินใจในการลงทุนของจีอีในอาเซียน ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทว่ามีความเหมาะสมกับประเทศที่เข้าไปลงทุนหรือไม่ โดยประเทศที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจเข้าไปลงทุน คือ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ขณะที่การลงทุนในพม่า ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีโอกาสทางธุรกิจเช่นกัน" นายโกวิทย์กล่าว

ส่วน จีอี ประเทศไทย จะให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศและนอกประเทศอย่างเพื่อนบ้าน เช่น พม่าและลาว เนื่องจากเป็นประเทศที่กำลังเปิดให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้าไปลงทุน ประกอบกับเป็นประเทศที่มีทรัพยากรจำนวนมาก สามารถดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุน

ทั้งนี้ ได้สนับสนุนบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยที่เป็นลูกค้าของจีอี ประเทศไทย ให้ขยายการลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางประชาคมเศรษฐกิจอาเซ๊ยน (เออีซี) ทางด้านพลังงาน การแพทย์ รวมถึงธุรกิจการบินและอุปกรณ์แสงสว่าง หลังจากไทยเปิดประชาคมเออีซีในอีก 3 ปีข้างหน้า เช่น การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันในพม่าของกลุ่ม ปตท.

นายโกวิทย์ ยังเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี เพราะว่ามีทรัพยากรซึ่งถือเป็นพื้นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยเสริมให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซ๊ยน (เออีซี)

นอกจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นและพัฒนาความเป็นเลิศด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด พร้อมสร้างความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยปีที่ผ่านมาภูมิภาคอาเซียน มีรายได้ 3 พันล้านดอลลาร์ โดยจีอี ประเทศไทย มีการเติบโตกว่า 40% และ 18 - 20% ในภูมิภาคอาเซียน โดยเป็น 1 ใน 3 ของภูมิภาคอาเซียนที่มีการเติบโตสูงสุดพร้อมกันนี้ ได้ตั้งเป้าการเติบโตธุรกิจในประเทศไทยปี 2555 เป็นตัวเลข 2 หลัก

"ความท้าทายของโลกเปลี่ยนไป การมีประชากรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้พลังงานไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น จีอีจึงคิดค้นนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิเช่น เทคโนโลยี โซลูชั่น ผลิตภัณฑ์และการบริการให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศ รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากธรรมชาติ เช่น น้ำ ลม แสงอาทิตย์ และก๊าซชีวภาพ เพื่อรองรับกับความต้องการของประชากรโลกในปัจจุบัน" นายโกวิทย์กล่าว

สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย กลุ่มพลังงาน ภายใต้จีอีเอนเนอร์ยี ประกอบด้วย จีอี เพาเวอร์แอนด์วอเตอร์ จีอี เอนเนอร์ยี แมนเนจเมนท์ และจีอี ออยล์แอนด์แก๊ส โดยในปีที่ผ่านมา จีอี เอนเนอร์ยี ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กังหันก๊าซ ขนาด 50 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดภายใต้แนวคิด "อีโค แมจิเนชั่น" สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีการลงทุนผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ในส่วนของกลุ่มจีอี เฮลธ์แคร์ ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเฮลธ์ตี้แมจิเนชั่น มุ่งขจัดปัญหาท้าทายต่างๆ ที่ระบบบริการดูแลสุขภาพกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในแง่ค่าใช้จ่าย คุณภาพ และการเข้าถึงบริการเพื่อช่วยให้ประชาชนทั่วไปมีสุขภาวะที่ดึขึ้น

ขณะที่ จีอี อะวิเอชั่น ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มอีโคแมจิเนชั่นเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมา ได้บรรลุข้อตกลงกับการบินไทย สำหรับเครื่องยนต์ รุ่น GE90 และได้มีการฉลองครบรอบ 25 ปีในการใช้เครื่องยนต์ รุ่น ซีเอฟ 6 ของจีอี ส่วนของ จีอี ไลท์ติ้งในปีที่ผ่านมา มีการเติบโตในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลอดไฟในกลุ่มแอลอีดี สำหรับธุรกิจโรงแรมภัตตาคารและร้านค้า