1 เดือนฝุ่น 9 จว.เหนือยังวิกฤติ"เชียงใหม่"ผู้ป่วยพุ่ง 9 หมื่นราย
          หนึ่งเดือนปัญหาหมอกควัน 9 จว.ภาคเหนือ ยังวิกฤติ ฝุ่นขนาดเล็กเกินมาตรฐานทุกจังหวัด อ.แม่สาย เชียงราย ทะลุเกิน 300 ไมโครกรัมต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ขณะที่เชียงใหม่พิษหมอกควันทำเดือนเดียวผู้ป่วย 10 กลุ่มโรคทะลุ 9 หมื่นราย
          สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ 9 จว.เหนือกลับมา ยังวิกฤติหนักอีกครั้ง หลังจากหลายหน่วยงานมีความพยายามแก้ไขมานานกว่า ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง โรคทางเดินเดือนแต่ไม่สามารถแก้ไขได้
          จากข้อมูลผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษพบว่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 32.5-323.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดย จ.เชียงราย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัดค่าฝุ่นละอองได้ 250.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 157
          ส่วนพื้นที่ซึ่งมีค่ามลพิษสูงสุด คือ บริเวณจุดตรวจวัดสาธารณสุข อ.แม่สาย วัด 323.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 188 รองลงมา คือ จ.ตาก ที่สถานีอุตุนิยมวิทยาแม่สอด อ.แม่สอด วัดค่าฝุ่นละอองได้ 277.5 ไมโครกรัมลูกบาศก์เมตร
          ส่วนที่อุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา จ.พะเยา วัดได้ 250.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ จ.แม่ฮ่องสอน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัดได้ 220.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จ.แพร่ วัดที่อุตุนิยมวิทยาแพร่ ได้ที่ 190.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
          ที่ จ.ลำปางสภาพอากาศยังเกินมาตรฐาน โดยที่ศาลหลักเมือง วัดได้ 182.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสบป้าดวัดได้ 173.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วน จ.น่าน สำนักงานเทศบาลเมืองน่าน 166.1 ไมโครกรัม ลูกบาศก์เมตร
          อากาศ 9 จว.กระทบสุขภาพ
          ส่วน จ.เชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัด วัดได้ 171.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ จ.ลำพูน ที่สนามกีฬา อบจ.วัดได้ 150 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
          ขณะที่ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ ทั้ง 9 จังหวัด มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยทางกรมควบคุมมลพิษ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการลดและควบคุมการเผาในที่โล่งอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการงดการเผาริมทาง งดการเผาในพื้นที่ป่าและไฟป่า รวมถึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดเผาขยะ เศษวัสดุ การเกษตร และกิ่งไม้ใบหญ้า เป็นต้น เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น
          1 เดือนผู้ป่วยเชียงใหม่เกือบแสนราย
          นางมลวิภา ศิริโหราชัย นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถิติผู้ป่วยช่วงปัญหามลพิษทางอากาศตลอดเดือน ก.พ.ที่ผ่านมามีผู้ป่วย 10 กลุ่มโรคเฝ้าระวัง ทั้งโรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจส่วนบน โรคทางเดินหายใจส่วนล่าง โรคปอดบวม โรคหลอดลมอักเสบ โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคผิวหนังอักเสบและโรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง เข้ารับการรักษาในสถานบริการพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมดรวม 92,214 ราย หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่มีผู้ป่วยอยู่ประมาณ 44,313 ราย จะพบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
          ตัวเลขผู้ป่วยทั้งหมดที่ได้รับรายงานเป็นผู้ป่วยนอกที่แต่ละโรงพยาบาลเก็บข้อมูลเป็นรายวัน ซึ่งผู้ป่วยอาจไม่มีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศทั้งหมด แต่อาจมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ชัดเจน แต่จากมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ทำให้ สสจ.ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
          นางมลวิภา กล่าวว่า ช่วงที่สภาพอากาศเลวร้ายที่สุดเป็นช่วงที่เกิดการสันดาปของการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของรถยนต์และมีแสงแดดเป็นตัวร่วม โดยช่วงที่ค่าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสูงที่สุดในแต่ละวันจะอยู่ในช่วงเวลา 12.00-14.30 น. ช่วงเวลานี้หากไม่จำเป็นไม่ควรออกนอกอาคาร แต่หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัยและเสื้อแขนยาว ขณะที่สถานศึกษาหากหลีกเลี่ยงได้ไม่ควรนำนักเรียนออกมาเข้าแถวหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันอาการแสบตาแสบจมูกและผลต่อเนื่องต่อสุขภาพในระยะยาว
          ชี้หมอกควันมาจากเพื่อนบ้าน
          นายนิเวศน์ พูนสวัสดิ์ นายอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า พื้นที่อำเภอฝางได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันที่ถูกพัดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังในพื้นที่ ขณะเดียวกัน นอกจากอำเภอฝางแล้ว ยังพบว่าอำเภอที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อำเภอแม่อาย ไชยปราการ เวียงแหง ใน จ.เชียงใหม่ ก็ยังมี อ.ปาย อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากมีพื้นที่เขตติดกับรัฐฉาน ในประเทศพม่า และในช่วงนี้ ในประเทศเพื่อนบ้านได้มีการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ในการปลูกยางพาราเช่นกัน ซึ่งล่าสุด ทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เดินทางติดตามสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ได้รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวแล้ว และจะมีการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ลดการเผาลง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
          หวั่นกลุ่มลองสเตย์หนีซบมาเลเซีย
          นายสราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นกระทบการท่องเที่ยวยังไม่มากนัก โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลองสเตย์ ที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพเป็นพิเศษ ที่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว แต่แก้ไขปัญหาหมอกควันในช่วงระยะนี้ได้ ก็จะส่งผลดีกับการท่องเที่ยวให้กลับขึ้นมา เพราะยังมีคู่แข่งอย่างมาเลเซีย ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวลองสเตย์ให้ความสนใจในการท่องเที่ยว
          ขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยว ในไตรมาสแรก พบว่าภาคการท่องเที่ยว มีแนวโน้มเติบโตดี ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวของปี 2554 ถึง 10-15% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์ 2554 โดยนักท่องเที่ยวร้อยละ 90 ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย
          กานต์แอร์-นกแอร์ ต้องยกเลิกเที่ยวบิน
          นายประมินทร์ วัฒนวารี หัวหน้างานกลุ่มงานสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า วันที่ 2 มี.ค. 2555 สถานการณ์ควันไฟป่ายังคงปกคลุมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างหนาแน่น วัดฝุ่นละอองในอากาศ ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ 220.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐาน
          นางสาวศิริอร รังศิริตานนท์ ผู้จัดการ หจก.แม่ฮ่องสอน ทีเอ็น ทัวร์ กล่าวว่า สายการบินกานต์แอร์ ขนาด 12 ที่นั่ง ที่บินมาจากเชียงใหม่ มาลงยังท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ช่วงเวลา 07.00 น. และสายการบินนกแอร์ ที่บินมาจากเชียงใหม่ ลงยังท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เวลา 10.45 น. ก็ได้ยกเลิกเที่ยวดังกล่าวไปแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเช่ารถตู้ กลับไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยสถานการณ์ไฟป่าส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนเป็นประจำทุกๆ ปี ภาครัฐน่าจะหามาตรการป้องกันมากกว่านี้
          กำชับครูหวั่นหมอกควันสุขภาพนักเรียน
          นายนพรัตน์ อู่ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 รับผิดชอบ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.เชียงแสน อ.ดอยหลวง และ อ.แม่สาย กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการประสานกับกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนในพื้นที่ช่วยลดปัญหาหมอกควันในเบื้องต้น เช่น การสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ ให้นักเรียนเข้าไปมีส่วนร่วมในชุมชนร่วมกันไม่เผาทำลายป่า ไม่เผาพื้นที่การเกษตร เพื่อลดการเกิดปัญหาหมอกควัน
          ขณะเดียวกัน ในส่วนของกิจกรรมหน้าเสาธงของนักเรียนตอนนี้ก็ยังให้ดำเนินการตามปกติ เพราะกิจกรรมในช่วงเช้าใช้เวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น ไม่ใช่การออกกำลังกายที่ต้องหายใจแรง อย่างไรก็ตาม ก็ได้กำชับครูทุกโรงเรียนอย่าให้มีการทำกิจกรรมนานเกินไป เพราะอาจทำให้นักเรียนเกิดอาการแสบตาได้ และหากเป็นไปได้ก็ให้พยายามทำกิจกรรมในที่ร่มมากที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพนักเรียน
          ตอนนี้ก็พยายามกำชับครูทุกโรงเรียนให้คำนึงถึงสุขภาพของนักเรียนให้มากที่สุด เพราะเด็กอยู่ในช่วงสอบ โดยวันที่ 6-9 มี.ค. จะมีการสอบ NT และ LAS และช่วงปลายเดือน มี.ค.ก็จะมีการสอบปลายภาคปกติ ไม่อยากให้นักเรียนได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันในช่วงนี้ นายนพรัตน์กล่าว