"การวิ่งสำหรับผมถือเป็นอาหาร 1 มื้อ เราหยุดกินไม่ได้ เราก็หยุดวิ่งไม่ได้ บางวันตื่นเช้ามาก็กินน้ำเปล่า แล้วก็ล้างหน้าไปวิ่งเลย"
มีคนมากมายลุกขึ้นมาปฏิวัติวิถีชีวิตประจำวันเสียใหม่ ให้การออกกำลังกายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ต้องทำในทุกเช้า หรือทุกเย็น เช่นเดียวกับ พลตรีธีระ คล้ายอ่างทอที่ปรึกษาสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย วัย 71 ปี อดีตแชมป์กีฬาซีเกมส์ ที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมการวิ่งที่จัดขึ้นในโอกาสต่างๆ ไม่เคยขาด
ท่ามกลางการปลุกกระแสการใช้ชีวิตบนเส้นทางของคนรักสุขภาพ ที่มุ่งเน้นการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับคนไทย ทั้งสุขภาวะทางกาย และสุขภาวะทางจิต การส่งเสริมให้คนไทยลุกขึ้นมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของการทำงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดกิจกรรมวิ่งมาราธอนหลายๆ ครั้ง ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด
ล่าสุด ในงาน "วิ่งสู่ชีวิตใหม่" (Thai Health Day Run 2013) ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ มีการเก็บเกี่ยวแง่คิดดีๆ ของผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ซึ่งมีทุกช่วงวัย และแต่ละคนยังได้ถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ จากการลุกขึ้นมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเอาไว้อย่างน่าฟัง
ด.ญ.ชาญทิ จงรักษ์ อายุ 10 ปี และ ด.ช.ชักก้า โจสโพพอายุ 6 ปี สองพี่น้องที่เดินทางมาจากอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เล่าให้ฟังว่า แรงบันดาลใจในการวิ่งของพวกเขานั้น คือการเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กๆ ได้ซึมซับ และได้เห็นตั้งแต่ยังเล็ก
"หนูกับน้องฝึกวิ่งมาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ เพราะเห็นคุณพ่อกับคุณแม่ไปวิ่งแล้วมีถ้วยรางวัลกลับมา จากนั้นก็เริ่มซ้อม แล้วทั้งครอบครัวก็ไปงานวิ่งหลายรายการมาก หนูชอบวิ่งเพราะเวลามาเจอคนวิ่งเยอะๆ แล้วสนุกดี และคุณพ่อก็สอนด้วยว่าการวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยค่ะ
ทางด้านนายวัฒนา งามเจริญพร เป็นหนึ่งในนักวิ่งหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเข้าร่วมกิจกรรมการวิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรก เขากล่าวว่า ความพร้อมทางร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่เท่ากับความพร้อมของจิตใจ
"ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กอ้วน ก็เลยเริ่มวิ่งเพื่อลดน้ำหนักก่อน จากนั้นก็ติดและวิ่งเรื่อยมา ปกติผมจะเล่นกีฬา และออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสิ่งที่ประทับใจในการมาร่วมงานวิ่งครั้งนี้คือ ทำให้เห็นมิตรภาพระหว่างนักวิ่ง ทั้งคนที่รู้จักกัน และไม่รู้จักกันก็ยิ้มให้กัน พูดคุยและทักทายกัน" เขากล่าว
พลตรีธีระ คล้ายอ่างทอ ที่ปรึกษาสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย กล่าวว่า ข้อดีของการวิ่งมาราธอนที่สัมผัสได้คือ มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นทาง และการได้พบปะผู้คนที่มีความชอบในเรื่องเดียวกันทำให้ได้พูดคุยกัน เป็นเพื่อนกัน และการวิ่งก็กลายเป็นกีฬาที่สร้างความสามัคคีได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ดีๆ ที่ถ่ายทอดถึงกันระหว่างเส้นทางการออกกำลังกาย และการวิ่งมาราธินที่จัดขึ้นในปีนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใดคนไทยในวันนี้ถึงรวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ และร่างกายที่แข็งแรงเป็นประจำสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน ภาครัฐ และเอกชน ก็จัดกิจกรรมการออกกำลังกายเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอน การขี่จักรยานทางไกล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากมาย นอกจากใช้แรงกาย และแรงใจกับความมุ่งมั่นตั้งใจจริงเท่านั้นเอง