ขอขอบคุณข้อมูลจาก..www.thaihealth.or.th

 

 

          การสร้างชุมชนที่มีสุขภาวะที่ดี เป็นเป้าหมายหนึ่งของการทำงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. โดยนอกจากชุมชนที่ เข้มแข็งจะต้องพึ่งพาตนเองในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการปกครองดูแลตนเองได้อย่างยั่งยืนแล้ว สุขภาพ และการจัดการด้านการสาธารณสุข ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้คนในชุมชนมีสุขภาพแข็งแรง เมื่อสุขภาพซึ่งเป็นปัจจัยเบื้องต้นในการดำรงชีวิต ไม่เป็นปัญหา ก็จะทำให้ บุคคลากรในชุมชนมีความพร้อมที่จะเดินหน้าสู่การบำเพ็ญประโยชน์ การทำงานด้วยศักยภาพที่เต็มเปี่ยม

          กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อผนึกกำลังในการพัฒนา ท้องถิ่นให้น่าอยู่ มีสุขภาวะดี และเข้มแข็งได้ด้วยตนเอง โดย สสส. ต้องการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้มีส่วนในการจัดการบริหารชุมชน ซึ่งในปัจจุบัน สสส. มีเครือข่ายตำบลอยู่แล้วกว่า 2,000 ตำบล และคาดว่าภายในปีหน้า ชุมชนเครือข่ายจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3,500-3,600 ตำบล

          นายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ชุมชนเหล่านี้จะมี การสานสัมพันธ์ และสร้างเครือข่ายระหว่างกัน เป็นการสร้างเครือข่ายชุมชน ซึ่งจะเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการสร้างความเชื่อมโยงของแหล่งเรียนรู้ และสนับสนุนให้เด็ก และเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมชุมชนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น อย่างเช่นการสมัครเป็นกลุ่มจิตอาสา ทำกิจกรรมช่วยเหลือผู้ป่วย การจัดกิจกรรมพัฒนาสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยจะเน้นด้าน การพัฒนา และยกระดับคุณภาพของกิจการการสาธารณสุขในพื้นที่ชุมชนนั้นๆ ในขณะเดียวกันายธวัชชัย ฟักอังกูร ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สสส.จะเข้ามาทำหน้าที่สนับสนุนด้านวิชาการการพัฒนาความรู้ และงบประมาณในการเอื้อให้เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนี้ได้สร้างกระบวนการ ขับเคลื่อนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาระบบการจัดการสุขภาวะชุมชน

          "สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกที่มีกฎหมายรับรอง มีภารกิจและงบประมาณที่ชัดเจน จึงนับได้ว่าการลงนามร่วมมือครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนารากฐานชุมชนไปสู่สังคมที่มีความสุข สิ่งแวดล้อมดี ประชาชนมีสุขภาพอนามัยเข้มแข็ง"

          และในอนาคต คณะผู้จัดกิจกรรมวางเป้าหมายให้แต่ละชุมชนมีการจัดการระบบสาธารณะที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานครอบคลุมทุกเป้าหมายทั่วทุกพื้นที่ เช่น ระบบการดูแลสุขภาพผ่านสถานีอนามัยและอาสาสมัคร ระบบฐานข้อมูลสุขภาพชุมชน การจัดการสวัสดิการชุมชน รวมทั้งการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อ สุขภาวะของชุมชน เป็นต้น

          การลงนามในข้อตกลงร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการสร้างโครงข่าย และเครือข่ายชุมชนที่จะแบ่งปัน ทรัพยากร และองค์ความรู้ที่มีอยู่ เพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขชุมชนให้มีมาตรฐาน สอดรับกับวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศที่ตองการยกระดับกิจการด้านการสาธารณสุข

          เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ที่ดีพร้อม สมบูรณ์ มีแรงกำลังที่จะขับเคลื่อน และพัฒนาประเทศต่อไปได้ในอนาคตด้วยเช่นกัน