HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 22/08/2556 ]
รักษามะเร็งแบบใหม่ใช้ความเย็น-ฝังแร่ไอโอดีน

 แม้ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์และการรักษาจะถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถรักษาโรคร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทว่าอัตราการป่วยโรคมะเร็งทุกชนิดยังคงครองแชมป์คร่าชีวิตคนทั่วโลก และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญนอกจากพันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์แล้ว ปัญหาสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการบริโภค ถือเป็นตัวกระตุ้นการเกิดโรคเช่นเดียวกัน
          สถิติการป่วยเป็นโรคมะเร็งทั่วประเทศไทย ในปี 2544 - 2546 ซึ่งรายงานในปี 2553 พบว่า คนไทยป่วยเป็นมะเร็ง 241,051 ราย หรือ 80,350 ราย/ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับสถิติปี 2541 - 2543 พบคนไทยป่วยเป็นมะเร็ง 195,780 ราย หรือ 65,260 ราย/ปี โดยชนิดของมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชาย อันดับ 1. มะเร็งตับและทางเดินน้ำดี 2. มะเร็งปอด 3.มะเร็งลำไส้ใหญ่ 4. มะเร็งต่อมลูกหมาก และ 5. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนเพศหญิง อันดับ 1. มะเร็งเต้านม 2. มะเร็งปากมดลูก 3. มะเร็งตับและทางเดินน้ำดี 4. มะเร็งปอด และ 5. มะเร็งลำไส้ใหญ่
          "คนไทยมักจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการบริโภค ส่วนคนจีนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด เนื่องจากสูบบุหรี่เยอะ" ญานี นาคประสม ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ รพ.สมัยใหม่กว่างโจว ประจำประเทศไทย (Modern Cancer hospital Guangzhou) ฉายภาพรวมอุบัติการณ์ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
          ญานี บอกว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถ้าตรวจพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้นจะถือว่าโชคดีมาก เพราะว่าแพทย์จะสามารถทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสหายจึงค่อนข้างมาก แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ กว่าจะตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งก็มักจะอยู่ในระยะลุกลาม โอกาสหายหรือมีชีวิตอยู่จึงค่อนข้างน้อย ดังนั้นหากผู้ป่วยที่มีอายุมากๆ หรือตรวจพบในระยะลุกลาม ส่วนใหญ่ญาติจะไม่อยากให้รักษาด้วยการให้คีโม เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบข้างเคียง
          เธออธิบายว่า รพ.สมัยใหม่กว่างโจว เน้นในเรื่องการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง แบบแผลขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยีนาโน การรักษาจึงไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งวิธีการรักษาที่ถือเป็นจุดเด่นและสามารถรักษาได้ผลดี คือ การใช้ความเย็นทำลายเซลล์มะเร็ง และการฝังแร่ไอโอดีนขนาดเล็ก ซึ่งนวัตกรรมทั้งสองถือเป็นงานวิจัยที่ทาง รพ.สมัยใหม่กว่างโจวคิดค้นพัฒนาขึ้นมา นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสยังให้การยอมรับอีกด้วย
          "ก่อนหน้าที่จะมาเปิดสาขาในประเทศไทย เราเปิดสาขาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้วหลายประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งในประเทศไทยแม้จะเพิ่งเปิดสาขาได้ประมาณ 7-8 เดือน แต่ก็มีผู้ป่วยถูกส่งตัวมารักษาที่กว่างโจวแล้วกว่า 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยในระยะลุกลาม แต่มีความต้องการยืดอายุออกไปอีกสักพัก" เธอบอกว่า ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปรักษาที่กว่างโจว แพทย์จะวิเคราะห์ดูว่าโอกาสหายหรือระยะเวลาในการมีชีวิตอยู่นั้น มากน้อยขนาดไหน แต่บางรายถ้าโอกาสน้อยมากแพทย์ก็จะไม่แนะนำ
          ด้าน นพ.เผิง เสี่ยว ชื่อ หัวหน้าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รพ.สมัยใหม่กว่างโจว บอกว่า การรักษาโรคมะเร็ง ด้วยวิธีการฝังแร่ไอโอดีนขนาดเล็ก ประมาณ 1 ใน 3 ของเมล็ดข้าวสาร เข้าไปยังร่างกายผู้ป่วย โดยฝังไปที่เซลล์มะเร็งโดยตรงนั้น เป็นการรักษาแบบแผลขนาดเล็ก ซึ่งก่อนที่ทีมแพทย์จะตัดสินใจใช้วิธีการฝังแร่ไอโอดีนให้ผู้ป่วย แพทย์จะต้องให้ผู้ป่วยเข้าเครื่อง CT สแกน เพื่อหาจุดมะเร็งในร่างกายก่อน จากนั้นทีมแพทย์จะปรึกษากันว่า วิธีการรักษาแบบใดบ้างจึงจะเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยรายนั้น
          นพ.เผิง อธิบายถึงขั้นตอนการฝังแร่ไอโอดีน ว่า กรณีผู้ป่วยเพศชายรายหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งตับ อายุ 55 ปี เดินทางมาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมแพทย์ได้ใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์มะเร็งแล้วส่วนหนึ่ง โดยวิธีการรักษาด้วยความเย็น จะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านผิวหนัง ลงไปในอวัยวะที่เป็นมะเร็งโดยตรง โดยใช้ก๊าซอาร์กอน -162 องศาเซลเซียส เพื่อแช่แข็งเซลล์มะเร็ง จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นก๊าซฮีเลียม ซึ่งให้ความร้อนโดยฉับพลัน ทำสลับกันอย่างนี้ประมาณ 15 นาที เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
          "ขั้นตอนต่อมาทีมแพทย์จึงตัดสินใจฝังแร่ไอโอดีนขนาดเล็ก เขาไปในเซลล์มะเร็งเฉพาะจุด เพื่อให้แร่เหล่านี้แผ่รังสีฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตายไปในที่สุด โดยแร่ที่ฝังเข้าไปนั้น จะแผ่รังสีได้นาน 6 เดือน ซึ่งตลอดระยะเวลาการแผ่รังสี ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ สำหรับรังสีที่ตัวแร่ปล่อยออกมา จะอยู่ในวงจำกัด จึงไม่กระทบกับอวัยวะส่วนอื่นในร่างกาย ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงเกิดกับเซลล์มะเร็งเท่านั้น"
          เขาบอกด้วยว่า ขั้นตอนที่ยากที่สุดของการรักษาด้วยวิธีฝังแร่ไอโอดีน คือ การเจาะเข้าไปในอวัยวะที่เป็นมะเร็งให้ตรงจุด และฝังอยู่ในตำแหน่งที่แน่ชัดในเซลล์มะเร็ง โดยจำนวนแร่ที่ฝังเข้าไปนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของเซลล์มะเร็งว่าเล็กหรือใหญ่ อย่างกรณีของผู้ป่วยตัวอย่าง เซลล์มะเร็งไม่ใหญ่มากจึงฝังแร่แค่ 20 เม็ด โดยการเจาะเข็มในแต่ละครั้ง ใส่แร่ได้ 10 เม็ด ดังนั้นผู้ป่วยรายนี้ จึงถูกเจาะเข็มเข้าไปในร่างกายเพียง 2 ครั้ง และหลังจากฝังแร่เสร็จ ใช้เวลาพักฟื้น 1-2 วัน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แตกต่างจากวิธีการผ่าตัดเปิดปากแผล ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นที่ยาวนานกว่า ส่วนแร่ไอโอดีนที่ฝังเข้าไปในร่างกายผู้ป่วย ถึงแม้จะหมดการแผ่รังสีแล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกจากร่างกาย เพราะมีขนาดเล็กมาก
          ขณะที่ นายประชา พิทักษ์เดชาธนะกิจ หนึ่งในผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีใหม่นี้ เล่าว่า อาการตอนแรกตนรู้สึกปวดฟันมาก 3-4 วัน ตอนแรกนึกว่าเป็นเหงือกอักเสบ แต่ก็ไม่หายสักที ลูกสาวจึงพาไปพบทันตแพทย์ พอเอาชิ้นเนื้อไปก็ตรวจพบว่าเป็นเนื้อร้ายต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
          "ผมเดินทางมารักษาที่กว่างโจว ประมาณ 1 เดือน แล้ว เหตุผลที่ตัดสินใจเดินทางมารักษาที่นี้ เนื่องจากครอบครัวของผมไม่ต้องการให้ผ่าตัด เพราะกังวลว่าร่างกายผมอาจจะรับไม่ไหว เนื่องจากอายุ 83 ปี พอปรึกษาหมอ จึงตัดสินใจเดินทางมารักษาด้วยการฝังแร่ไอโอดีนเข้าไปในช่องปาก ประมาณ 50 เม็ด ซึ่งหากเทียบอาการในวันแรกที่มาถึงกับวันนี้ถือว่าต่างกันมาก เพราะตอนแรกผมพูดไม่ได้เลย เนื้อร้ายที่ช่องปากบวมและใหญ่มาก แต่ตอนนี้ยุบลงหมดแล้วพูดได้ตามปกติ เหลือเพียงแค่อาการชาที่ริมฝีปากเท่านั้น" เขากล่าวทิ้งท้าย
          'วิธีการรักษาด้วยความเย็น จะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะลงไปในอวัยวะที่เป็นมะเร็ง โดยใช้ก๊าซอาร์กอน -162 องศาเซลเซียส เพื่อแช่แข็งเซลล์มะเร็ง'


pageview  1205875    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved