HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 17/07/2556 ]
เผยวีธีให้เด็ก"เก่ง-ดี-มีสุข" ยุคการแข่งขันสูง

   สังคมไทยมีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน ทำให้พ่อแม่จำนวนมากหวั่นไหวไปกับเทรนด์ที่มุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาสมองของเด็กเป็นหลัก และกังวลว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะสอนลูกได้เอง จึงผลักให้ลูกวัยอนุบาลและประถมต้นเรียนพิเศษมากขึ้นๆ ทำให้มีเวลาเล่นและทำกิจกรรมกับพ่อแม่น้อยลง ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว สติปัญญามีผลต่อความสำเร็จในชีวิตแค่ 20เปอร์เซ็นต์ และการที่พ่อแม่ส่งเสริมด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไปเมื่อลูกยังเล็กอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคมอันเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างเด็กที่ เก่ง ดี และมีความสุข ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เมื่อเด็กโตขึ้น
          พญ. อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ การที่เด็กอนุบาลและประถมต้นถูกกดดันทางด้านวิชาความรู้มากเกินไป จะส่งผลให้เกิดความเครียด และหลายรายแสดงออกผ่านพฤติกรรมก้าวร้าว จนพ่อแม่รับมือไม่ไหวและต้องเข้ามาปรึกษาจิตแพทย์เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ การที่เด็กไม่ได้ใกล้ชิด ไม่ได้เล่นกับพ่อแม่อย่างเพียงพอ ก็มักจะรู้สึกขาดความรัก โตขึ้นมารักใครไม่เป็น เห็นแก่ตัว ขาดทักษะในการเข้าสังคม และขาดความมั่นคงทางจิตใจ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เหมาะสม และอย่างจะติดตัวไปจนเป็นผู้ใหญ่
          "เด็กไม่สามารถเป็นคนที่สมบูรณ์ด้วยการใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่ความใกล้ชิด ความรักโดยตรงจากแม่ จะทำให้เขามีความมั่นคงในอารมณ์ รู้จักรัก รู้จักผิดชอบชั่วดี หัวใจแม่รู้ดีที่สุดว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกของตัวเองคืออะไร เวลาสอนหรือเล่นกับลูก เป็นช่วงเวลาที่ดีของการสอนความรู้ต่างๆ อย่างกลมกลืมและเป็นธรรมชาติ แม่จะทราบได้เองว่า เมื่อไรควรสอนเรื่องอะไรอย่างเนียนๆ สนุกๆ  ผ่านการเล่น การทำกิจกรรมร่วมกัน  เช่น การสอดแทรกความรู้รอบตัว คำศัพท์ กติกา รู้แพ้รู้ชนะ แก้ปัญหา ผ่านเกมส์ง่ายๆ เช่นเกมส์ต่อบล๊อกประกอบคำศัพท์หรือภาพ หรือเกมส์แข่งต่อจิ๊กซอว์ การสอนวิทยาศาสตร์ ทั้งด้านฟิสิกส์และแรงโน้มถ่วงของโลกผ่านการพับและร่อนเครื่องบินกระดาษ  การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ คุณธรรม จริยธรรม ผ่านการผลัดกันเล่านิทาน การฝึกภาษาและสำเนียงผ่านการร้องรำทำเพลง การสอนเรื่องการคำนวนและทักษะการสื่อสารผ่านการเล่นขายของ และการฝึกให้เด็กรู้จักกาละเทศะในการพูดและปฎิบัติตัวในสถานการณ์ต่างๆ ผ่านการเล่นบทบาทสมมุติอื่นๆ  การเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองทำในสิ่งที่หลากหลาย ได้ลองผิดลองถูก ตัดสินใจแก้ปัญหาเอง ได้รู้จักความสำเร็จและผิดหวัง  จะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ กล้าที่จะยอมรับความล้มเหลวและเริ่มต้นใหม่ กล้าให้ความรักผู้อื่นอย่างที่เรียนรู้มาจากแม่" พญ. อัมพรกล่าว
          เด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปเป็นวัยที่เริ่มเลียนแบบ อยู่ใกล้ใครก็จะสร้างบุคลิกและนิสัยตามคนนั้น  ความใกล้ชิด และการเล่นกับพ่อแม่จึงมีความสำคัญมากที่สุด  นอกจากนี้ ยังเป็นวัยที่สร้างความเป็นตัวของตัวเอง อยากรู้ อยากลอง อยากช่วย หากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม จะเติบโตอย่างมั่นคง  แต่หากถูกบังคับให้ทำอย่างอื่นที่ตนเองไม่ชอบ เด็กจะรู้สึกหลงทาง หาตัวตนไม่พบ ขาดความมั่นใจในตัวเอง
          "ที่สำคัญคือ แม่ต้องไม่หวั่นไหวไปตามกระแส ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เริ่มจากการสร้างสมดุลทั้งการเรียนรู้และการเล่น  พ่อแม่สามารถขอคำแนะนำหรือกำลังใจจากผู้ที่มีประสบการณ์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ซึ่งปัจจุบันมีชุมชนออนไลน์หลายรายทำหน้าที่เป็นเป็นสื่อกลางให้คุณแม่มือใหม่และมีประสบการณ์ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเรียนรู้จากกันอย่างสะดวกเพื่อเลี้ยงลูกด้วยหัวใจ สู่การสร้างลูกที่เก่ง ดี และมีความสุข
          "การเลี้ยงเด็ก ต้องอาศัยความอดทน และความรัก ที่สำคัญคือ คุณแม่ต้องใช้หัวใจในการเลี้ยงลูก คุณอาจจะต้องการกำลังใจและคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์บ้าง เพื่อที่จะปั้นเด็กให้ดีและมีความสุข เพื่อเติบโตเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพของสังคม" พญ. อัมพร สรุปทิ้งท้าย.


pageview  1205476    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved