นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์เผยระยะนี้อากาศหนาวเย็นและชื้นทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุ 3 เดือน-3 ขวบ จะมีภูมิคุ้มกันร่างกายน้อย ส่งผลให้เจ็บป่วยง่าย
          โรคที่พบบ่อยคือ โรคไวรัสลงกระเพาะหรือโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ โดยเชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุมีหลายชนิด แต่ที่พบบ่อยในเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี คือ เชื้อไวรัสโรตา (Rotavirus)  พบร้อยละ16 ถึง 58
          เชื้อนี้อยู่ได้นาน แฝงอยู่กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่นจาน ชาม พื้นที่ไม่สะอาด  อาหารที่รับประทานเข้าไปหรือได้รับเชื้อจากผู้ป่วยโดยตรง โดยเฉพาะในเด็กที่ชอบหยิบของเข้าปาก อมของเล่นที่มีเชื้อโรคเกาะอยู่
          หลังได้รับเชื้อจะมีอาการเหมือนไข้หวัดคือ มีไข้ตัวร้อน น้ำมูกไหลหรือไอร่วมด้วย  อาการเด่นชัดคืออาเจียน ตั้งแต่เล็กน้อยถึงขั้นรุนแรง ซึ่งอาจจะท้องอืดร่วมด้วย เด็กจะไม่อยากรับประทานอาหารและถ่ายเหลวถ่ายบ่อยตามมาใน 1-2 วัน หรืออาจพบอุจจาระเป็นมูกแต่ไม่มีเลือดปน 5-7 วัน
          นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า การรักษามักตามอาการและแบบประคับประคอง ผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานได้โดย 1.เมื่อมีไข้ ควรเช็ดตัวให้ยาลดไข้ 2.ถ้าอาเจียน ถ่ายบ่อย อาจให้ดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่  3.ดื่มนมกินอาหารย่อยง่าย
          ที่สำคัญสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติ เช่น กินไม่ได้ ปัสสาวะน้อยลง ซึม งอแง ถ่ายบ่อย อาเจียนบ่อย ให้รีบพบแพทย์โดยเร็ว เพราะหากให้น้ำเกลือไม่ทัน อาจช็อกและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กต่ำกว่า 2 ปี มีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าเด็กโต
          ปัจจุบันมีการผลิตวัคซีนที่ป้องกันโรคไวรัสลงกระเพาะจากเชื้อไวรัสโรตา แต่ยังมีราคาสูง ผู้ปกครองจึงควรมุ่งเน้นป้องกัน เช่น สร้างภูมิคุ้มกันโรคโดยให้ดื่มนมแม่เพราะมีสารต้านไวรัสและแบคทีเรียชนิดต่างๆช่วยเสริมภูมิต้านทานให้เด็ก กินอาหารปรุงสุกใหม่ หรืออุ่นให้ร้อนก่อน ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังขับถ่ายทำบ้านให้สะอาด หลีกเลี่ยงพาเด็กไปในที่แออัด
          หากมีเด็กป่วยโรคไวรัสลงกระเพาะในบ้านหรืออยู่ห้องเรียนเดียวกัน ควรแยกเด็กป่วยและเด็กปกติออกจากกัน เพราะเชื้อโรคสามารถปนเปื้อนมากับน้ำมูกน้ำลาย ไอจาม ใช้ของร่วมกัน