HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
สยามรัฐ [ วันที่ 24/04/2555 ]
ดูแลผู้สูงวัย สู่บั้นปลายชีวิต....ด้วยรอยยิ้ม

เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 60 ปี ขึ้นไป ถือเป็นวัยซึ่งมีความแตกต่างจากวัยอื่น เพราะเริ่มเข้าสู่วัยบั้นปลายของชีวิต ดังนั้น ปัญหาของผู้สูงอายุในทุกด้านโดยเฉพาะด้านสังคม และสาธารณสุข จึงแตกต่างจากคนในวัยอื่น ปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลไทย และทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้จึงมีความพยายามและมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้ทุกคนตระหนัก เข้าใจ และพร้อมดูแลผู้สูงอายุให้ทัดเทียมกับกลุ่มอายุอื่น
          ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุมีมากมายหลายเรื่อง แต่เราจะค่อยๆเริ่มดูแลทีละเรื่อง ซึ่งความต้องการเร่งด่วนของผู้สูงอายุคือ เรื่องการใส่ฟันเทียม(ฟันปลอม) เพื่อเคี้ยวอาหาร เพราะผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาการสูญเสียฟันทั้งปากค่อนข้างเยอะ ประมาณ 300,000 คน และเป็นปัญหาที่ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ได้ เมื่อกินอาหารไม่ได้ ก็ไม่ได้รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ จึงนำไปสู่ "โครงการฟันเทียมพระราชทาน"
          โครงการฟันเทียมพระราชทานเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2548 จากความต้องการของผู้สูงอายุที่ต้องการใส่ฟันทั้งปากเพื่อการเคี้ยวอาหาร ประกอบกับ ศ.(พิเศษ)ท.พญ.ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วย ทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้นำกระแสพระราชดำรัสและความห่วงใยประชาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเผยแพร่ความว่า "เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง" กรมอนามัยร่วมกับหน่วยทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัยและหน่วยบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ จึงได้ร่วมมือกันจัดบริการใส่ฟันทั้งปากให้ผู้สูงอายุเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านในโอกาสมหามงคลวาระต่างๆ จนถึงปัจจุบันสามารถใส่ฟันเทียมทั้งปากให้กับผู้สูงอายุได้ประมาณ230,000 กว่ารายแล้ว ถือว่าแก้ปัญหาเร่งด่วนของผู้สูงอายุไปได้มากทีเดียว
          หลังจากจบโครงการระยะที่ 1 ซึ่งดำเนินการระหว่างปี 2548-2550 เฉลิมพระเกียรติฯ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ได้ติดตามผลการใส่ฟันเทียมให้ผู้สูงอายุ พบว่าร้อยละ
          97 พอใจกับ ฟันเทียมชุดที่ได้รับไป ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น พูดจาได้ชัดขึ้น พอใจกับความสวยงาม มีความมั่นใจที่จะเข้าสังคมมากขึ้น ผู้สูงอายุรู้สึกมีความสุข ถือเป็นเรื่องของจิตใจ ไม่เช่นนั้นจะต้องอยู่แต่ในบ้านการได้เข้าสังคมทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ ทำให้มีความสุขเสริมพลังของชีวิตมากขึ้น
          แต่เมื่อใส่ฟันให้ผู้สูงอายุไประยะหนึ่งได้ย้อนกลับมามองอีกมุมหนึ่งว่า การที่จะปล่อยให้ผู้สูงอายุถอนฟันไปเรื่อยๆ จนหมดแล้วใส่ฟันถือว่าแก้ปัญหายังไม่ครบวงจร ควรจะต้องลดการสูญเสียฟันไป
          พร้อมๆกัน จึงสนับสนุนให้ผู้สูงอายุดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง เพื่อคงสภาพที่ดีในช่องปากไว้ ซึ่งในปัจจุบันผู้สูงอายุมีการรวมกลุ่มกันเป็นชมรมอยู่แล้ว ถ้ามีแกนนำที่มีจิตอาสาแล้วพัฒนา ศักยภาพให้ความรู้สร้างความเข้าใจในเรื่องการดูแลอนามัยช่องปากตนเองก็น่า ที่จะมาเป็นกำลังสำคัญช่วยกันดูแลสุขภาพช่องปากของสมาชิกชมรมได้ จึงเป็นที่มาของการทำงานด้านการส่งเสริม สุขภาพช่องปากและบริการป้องกันเพื่อลดการสูญเสียฟันปรับโครงการเป็น "โครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ" โดยคงเป้าหมายหลักเพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียฟันในกลุ่มผู้สูงอายุสนองกระแส พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนับตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน โครงการฟันเทียมพระราชทาน ได้สร้างต้นแบบชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1,728 ชมรมครอบคลุม 1 อำเภอ 1 ชมรม ใน 46 จังหวัด กระจายอยู่ทุกภาค รวมทั้งพัฒนาหน่วยบริการในการจัดบริการป้องกันก่อนที่จะสูญเสียฟัน 219 แห่ง และยังคงพัฒนาทั้งปริมาณและคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
          อย่างไรก็ตาม กรมอนามัยยังมีโครงการที่จะพัฒนาศักยภาพแกนนำชมรม ผู้สูงอายุรวมทั้งบุคลากรที่เกี่ยวข้องในปี 2555 นี้ โดยจัดประชุม 4 ภาค ได้แก่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง ซึ่งภาคเหนือได้จัดไปแล้วเมื่อ วันที่28-29 มีนาคม 2555 ที่จังหวัดเชียงใหม่ภาคอีสานจัดที่จังหวัดขอนแก่น ในวันที่19-20 เมษายน 2555 ส่วนภาคใต้จัดที่จังหวัดตรังในวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2555 และภาคกลางจัดที่จังหวัดชลบุรีในวันที่6-7 มิถุนายน 2555 โดยการประสานกิจกรรม ให้ผู้สูงอายุ และบุคลากรภาครัฐในพื้นที่ได้ร่วมกันดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ติดต่อปรึกษากันยามที่ต้องการการสนับสนุนทั้งด้านวิชาการและด้านบริหารจัดการ โดยคาดหวังว่าปี 2555 นี้จะมีชมรมผู้สูงอายุด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้น 250 ชมรม จากปัจจุบันมีอยู่ 1,728 ชมรม และจะพยายามทำให้ได้ 1 อำเภอ 1 ชมรม ทั่วประเทศรวมทั้งมีหน่วยบริการ จัดบริการป้องกันโรคในช่องปากเพิ่มขึ้นอีก 100 แห่ง
          ยังมีสิ่งสำคัญสำหรับพ่อแม่ ปู่ ย่าตา ยาย ที่ลูกหลานไม่ควรมองข้ามนั่นคือ กำลังใจและความห่วงใยจากลูกหลานที่ท่านเฝ้ารอคอย อย่าลืมเติมความสุขทางใจให้กับท่านสูงวัยอย่างมีคุณค่าตลอดไป


pageview  1204963    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved