HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
สยามรัฐ [ วันที่ 28/11/2556 ]
กินให้เป็นถึงจะได้สรรพคุณจากอาหาร
 ปริมาณและวิธีการกินอาหาร ช่วยเพิ่มออกซิเจนเข้าสลายสารอาหารให้เป็น "พลังชีวิต" สำหรับขับเคลื่อนระบบอวัยวะที่ทำหน้าที่ขับระบายกรดของเสียให้ทำงานแม่นยำ ลดภาวะภูมิแพ้
          ผมได้รับการติดต่อจากน้องสาวคนหนึ่งวัยสามสิบต้นๆ เธอได้รับฟังเรื่องราว "การกระตุ้นให้สร้าง กระตุ้นให้ใช้ "พลังชีวิต" ในเซลล์มาปกป้ององค์รวมร่างกาย" จากเพื่อนของเธอ จึงหาทางติดต่อมาหาเพื่อจะนำหลักดังกล่าวไปใช้ปกป้องร่างกายตัวเองที่กำลังประสบกับภาวะที่คล้ายภาวะภูมิแพ้
          ร่างกายของเธอประสบกับภาวะผื่นที่ข้อศอก ข้อเข่า ข้อมือ คอ พับในของเข่า ข้อเท้า น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ตัวบวมๆ ขับถ่ายยาก กินได้น้อย คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา แขนขาอ่อนแรง รู้สึกเบื่อๆ ไม่อยากทำอะไร จนกระทบต่อการทำงาน ทั้งลาป่วย ทั้งลากิจ
          ทั้งทายา ทั้งกินยาลดอาการผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ยังได้ดื่มยาสมุนไพรตามที่ได้คำแนะนำมา เปลี่ยนสบู่อาบน้ำก็แล้ว หาทางควบคุมให้เหงื่อออกน้อยลงก็แล้ว อาการต่างๆ ก็ยังทรงๆ จึงพยายามหาวิธีการรักษาอื่นมาช่วยชะลออาการ
          ผมเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องราว "การกระตุ้นให้สร้าง กระตุ้นให้ใช้ "พลังชีวิต" ในเซลล์มาปกป้ององค์รวมร่างกาย" ให้ฟัง ดังนี้
          1)เซลล์ต้นกำเนิดประกอบด้วยเซลล์ดั้งเดิม และ "พลังชีวิต"
          2)"พลังชีวิต" มีประโยชน์ในด้าน
          -ช่วยให้เซลล์มีพลังงานขับเคลื่อนทำหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละระบบอวัยวะอย่างแม่นยำ หรือคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด ช่วยให้ร่างกายหลีกเลี่ยงและหลุดพ้นจากภาวะเจ็บป่วยต่างๆ
          -ช่วยปกป้องร่างกายจากความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะมะเร็ง ภาวะภูมิแพ้ตัวเอง ที่เกิดจากเซลล์ต้นกำเนิดขาด "พลังชีวิต" กลายพันธุ์กลับไปเป็นเซลล์ดั้งเดิม
          3)"พลังชีวิต" ได้มาจากการอำนวยความสะดวกให้ออกซิเจนเข้าไปสลายสารอาหารในเซลล์
          4)หากปล่อยให้การลำเลียงออกซิเจนสู่กระแสเลือดและเซลล์ถูกรบกวน จนต้องสลายสารอาหารให้เป็น "พลังชีวิต" โดยปราศจากออกซิเจน จะเกิดกรดของเสียตกค้างในเลือดและเซลล์ทำให้ระบบอวัยวะภายในร่างกายทำงานคลาดเคลื่อน จนร่างกายตกอยู่ในภาวะเจ็บป่วยต่างๆ
          การอำนวยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างสะดวก และได้รับปริมาณเพียงพอกับการใช้งานร่างกาย จะเป็นการปกป้องร่างกายจากโรคภัยต่างๆ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันสำหรับต้านทานโรคภัยต่างๆ และเป็นการสร้างสมรรถภาพองค์รวมของร่างกายขึ้นมาในคราวเดียวกัน
          ดูจากอาการที่แสดงออกทางร่างกายของน้องสาวท่านนี้ ในเลือดและเซลล์น่าจะมีกรดของเสียตกค้างจำนวนมาก ทำให้ระบบอวัยวะที่ใช้ในการขับระบายทำงานคลาดเคลื่อน สมรรถภาพในากรขับระบายกรดของเสียออกจากร่างกายจึงลดต่ำลงโดยปริยาย มีสาเหตุมาจากอะไรนั้น ขอดูนิสัยของเธอก่อน
          พฤติกรรมที่น้องสาวท่านนี้ทำเป็นนิสัย และมีส่วนรบกวนการลำเลียงออกซิเจนสู่เซลล์ของระบบอวัยวะที่มีหน้าที่ในการขับระบายเช่น ลำไส้ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ, อวัยวะเพศจนอวัยวะเหล่านี้ต้องสลายสารอาหารโดยปราศจากออกซิเจน เกิดกรดของเสียตกค้างในเซลล์ของอวัยวะจนทำงานคลาดเคลื่อน มีดังนี้
          -ประจำเดือนคลาดเคลื่อนทุกเดือน และมีลักษณะข้น สีเข้ม มีกลิ่นแรง แสดงให้เห็นว่ามีกรดของเสียตกค้าง ร่างกายจึงได้แสดงออกเช่นนี้
          -ขับถ่ายครั้งแรกของวันหลังเจ็ดโมงเช้า ร่างกายจึงยังเหลือกรดของเสียตกค้างอยู่
          -แต่ละวันปัสสาวะน้อย ร่างกายจึงยังเหลือกรดของเสียตกค้างอยู่
          -อยู่ในพื้นที่ปรับอากาศทั้งวัน ทำให้เหงื่อออกน้อย ร่างกายจึงยังเหลือกรดของเสียตกค้างอยู่ และความเย็นกดดันระบบประสาทอิสระ ทำให้ร่างกายตกอยู่ในภาวะเลือดมีกรดของเสียคั่งอยู่
          -ขาดการอุ่นอาหารและเครื่องดื่มให้ร้อนก่อนกินและดื่ม ก่อภาระให้ระบบย่อยดูดซึม เกิดกรดของเสียตกค้างในเลือด รบกวนการลำเลียงออกซิเจน
          -กินข้าวขาวทุกมื้อ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงถูกน้ำตาลเคลือบอย่างรวดเร็ว จากการละลายอย่างรวดเร็วของข้าวขาวกระทบจนการลำเลียงออกซิเจนสู่เซลล์เป็นไปอย่างยากลำบาก
          -ดื่มน้ำเต้าหู้ทุกเช้าๆ ละหนึ่งแก้ว ฤทธิ์เย็นของน้ำเต้าหู้เข้ากดดันระบบประสาทอิสระ ทำให้ร่างกายตกอยู่ในภาวะเลือดมีกรดของเสียคั่งอยู่
          -นั่งทำงานในท่าเดิมๆ เกิน 2 ชั่วโมงต่อเนื่อง จนร่างกายตกอยู่ในภาวะเลือดมีกรดของเสียคั่งอยู่
          -นอนดึก ใช้ชีวิตในเวลาที่บรรยากาศมีออกซิเจนน้อย ร่างกายจึงต้องสลายสารอาหารให้ "พลังชีวิต" มาใช้ทั้งๆ ที่ปราศจากออกซิเจน ร่างกายจึงตกอยู่ในภาวะเลือดมีกรดของเสียคั่งอยู่
          -แต่ละวันเคลื่อนไหวร่างกายน้อยมาก การกระจายออกซิเจนจึงทำได้ยากลำบากไปด้วย
          -แต่ละมื้อกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่ได้จากผักผลไม้จำนวนมากแทนอาหารพลังงาน ทำให้ร่างกายได้รับน้ำจำนวนมาก
          ธรรมชาติออกแบบให้ร่างกายมนุษย์ต้องรักษาอุณหภูมิไว้ที่ 37 องศาเซลเซียส ด้วยการรักษาความเข้มข้นของแร่ธาตุ หรือเกลือแร่ของน้ำในร่างกาย เนื่องจากแร่ธาตุโดยเฉพาะ "แมกนีเซียม" มีสรรพคุณในการกระตุ้นให้สร้าง กระตุ้นให้ใช้ "พลังชีวิต" ในเซลล์กล้ามเนื้อของระบบอวัยวะ ซึ่ง "พลังชีวิต" จะให้พลังงานความร้อน จึงสามารถที่จะปกป้องอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส
          หากดื่มน้ำ หรือกินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบปริมาณมากเข้าสู่ร่างกาย น้ำซึ่งคุณสมบัติในการเจือจางอยู่แล้วก็จะเข้าเจือจางความเข้มข้นของแร่ธาตุในเลือดและเซลล์ส่งผลให้ "แมกนีเซียม" ในเซลล์กล้ามเนื้อของอวัยวะนั้นๆ ถูกเจือจางไปด้วย
          เมื่อ "แมกนีเซียม" ในเซลล์กล้ามเนื้อของระบบอวัยวะเจือจางลง ความสามารถในการกระตุ้นให้สร้าง กระตุ้นให้ใช้ "พลังชีวิต" ในเซลล์กล้ามเนื้อของระบบอวัยวะย่อมลดลง กระทบต่อการทำงานของอวัยวะนั้นๆ ให้ทำงานคลาดเคลื่อนโดยปริยาย
          สำหรับกรณีนี้ แต่ละมื้อเธอกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่ได้จากผักผลไม้จำนวนมากแทนอาหารพลังงาน เธอจึงได้รับน้ำจากอาหารและเครื่องดื่มที่เธอกินดื่มเข้าร่างกายปริมาณมาก "แมกนีเซียม" ในเซลล์กล้ามเนื้ออวัยวะถูกเจือจาง รบกวนการสร้าง "พลังชีวิต" ระบบอวัยวะที่ทำหน้าที่ขับระบายกรดของเสียออกจากร่างกายจึงทำงานคลาดเคลื่อน
          ร่างกายจึงพยายามขับกรดของเสียที่สะสมเพิ่มขึ้นทุกวันออกทางผิวหนังบริเวณข้อต่อ ซึ่งเป็นทางแยกทางร่วมที่มีกรดของเสียสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งสั่งให้งดรับอาหารที่จะมาก่อกรดของเสียเพิ่มในร่างกายและสั่งให้ร่างกายหยุดทำงาน เพื่อลดการไหลเวียนกรดของเสียไปส่วนต่างๆ ของร่างกาย
          ผมได้เสนอให้สร้างนิสัยใหม่ เพื่อส่งเสริมการลำเลียงออกซิเจนเข้าไปสลายสารอาหารให้เป็น "พลังชีวิต" ให้เซลล์กล้ามเนื้อของระบบอวัยวะที่มีหน้าที่ในการขับระบายเช่น ลำไส้ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ, อวัยวะเพศ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการทำหน้าขับระบายให้มากขึ้น ดังนี้
          -ดื่มน้ำขิงอุ่นค่อนร้อน หนึ่งถึงสองแก้วช่วงตีห้าครึ่ง ช่วยขับกรดของเสีย เพิ่มออกซิเจน
          -รับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้า คลายหลอดเลือดให้ลำเลียงออกซิเจนสู่เซลล์ระบบขับระบาย
          -แกว่งแขนกระจายเลือดครั้งละ 5 นาที ทุก 2 ชั่วโมง กระจายออกซิเจนสู่เซลล์ระบบขับระบาย
          -เตรียมดินสอพองละลายในน้ำมะนาวที่เป็นด่าง พอกผื่นดูดกรดของเสีย เพิ่มออกซิเจน
          -เตรียมเกลือแร่ซองละลายในน้ำดื่มเพื่อทดแทนเกลือแร่ในกรณีที่มีภาวะท้องเสีย
          -ตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ให้นอนยกเท้าให้สูงกว่าศีรษะครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป ช่วยเพิ่มออกซิเจน
          -เลี่ยงการกินดื่มของยังมีอุณหภูมิต่ำ และเลี่ยงกินน้ำเต้าหู้ ช่วยเพิ่มออกซิเจน
          -กินอาหารพลังงาน 3 ส่วน ใยอาหาร 7 ส่วน รวมถึงข้าวกล้อง "ใหม่" ช่วยเพิ่มออกซิเจน
          -กินจืดแทนหวาน มัน เค็ม ช่วยเพิ่มออกซิเจน
          -นอนเร็ว ตื่นเช้า ช่วยเพิ่มออกซิเจน
          -หายใจออกยาวๆ ช่วยเพิ่มออกซิเจน
          -ทานวิตามินบี ช่วยเพิ่มออกซิเจน
          -ทานแมกนีเซียม ช่วยเพิ่มออกซิเจน เพิ่ม "พลังชีวิต" ให้ระบบขับระบายทำงานแม่นยำ
          ผมบอกเธอไว้ก่อนแล้วว่า หลังจากดื่มน้ำขิง รับแสงแดด และแกว่งแขน ผื่นที่เป็นอยู่จะเพิ่มขึ้น จะมีการขับถ่ายคล้ายท้องเสียเนื่องจากร่างกายได้รับออกซิเจนเข้าสลายสารอาหารในเซลล์ให้เป็น "พลังชีวิต" จึงมีพลังงานขับระบายกรดของเสียออกจากร่างกายทั้งทางตรงผ่านอวัยวะขับระบาย และทางอ้อมผ่านผื่นผิวหนังที่มีอยู่ หากท้องเสียให้ดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชย ให้พอกดินสอพองน้ำมะนาวเพิ่มหากผื่นเพิ่ม
          ใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ร่างกายเธอเข้าสู่ภาวะปกติ นับจากนั้นเธอค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่ตามหลัก "การกระตุ้นให้สร้าง กระตุ้นให้ใช้ "พลังชีวิต" ในเซลล์มาปกป้ององค์รวมร่างกาย"
          ธรรมชาติได้ติดตั้งระบบปกป้องร่างกายเพื่อให้คนเราสามารถใช้ชีวิตให้ยืนยาวได้นับร้อยปี เพียงแค่รู้จักสร้าง รู้ใช้ "พลังชีวิต" ซึ่งเป็นพลังงานสำหรับขับเคลื่อนระบบที่ธรรมชาติติดตั้งไว้ในร่างกายของเราเท่านั้น
          รับคำแนะนำเพื่อปกป้องร่างกายได้ที่
          08-1374-0464
          ชัย ปฐมรัตน์

pageview  1205844    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved