|
|
|
สยามรัฐ [ วันที่ 11/05/2555 ] |
|
|
|
|
'อายุ' เป็นเพียงตัวเลข... จริงหรือ..!? |
|
|
|
|
รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
"โลก" ณ วันนี้ กำลังเต็มไปด้วย ผู้สูงอายุ โดยข้อมูลจาก"กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ" (UNFPA) ระบุว่า จากการสำรวจ สถิติประชากรโลก พบว่า 1 ใน 10 จะมีผู้สูงอายุ(ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป) เพิ่มขึ้นมากกว่าประชากรกลุ่มอื่น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งหมายความว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" (Ageing Society) อย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแต่สังคมโลกเท่านั้น แต่สังคมไทยก็กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ ร้อยละ10 ของประชากรทั้งประเทศ โดยปี 2554 มีผู้สูงอายุกว่า 8 ล้านคนแล้ว แต่อีก 18 ปี ข้างหน้าผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 17 ล้านคน หรือใน 4 คนจะมีผู้สูงอายุ 1 คน คิดเป็นร้อยละ 25 ของประชากรประเทศทั้งหมดและสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศสิงคโปร์
ปรากฏการณ์ทางที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นภาพสะท้อนที่แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังก้าวสู่การเป็น "สังคมผู้สูงอายุ"
อย่างเต็มตัวในอีกไม่นาน...
เมื่อกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่รัฐบาลไทยจำเป็นต้องดำเนินการ คงหนีไม่พ้นการเตรียมพร้อมเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุดีขึ้น เพื่อให้ผู้สูงอายุมีบทบาทในการพัฒนาสังคมและประเทศ โดยเมื่อไม่นานมานี้"นายกฯยิ่งลักษณ์" ได้แถลงนโยบาย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้สูงอายุ ซึ่งประกอบด้วย
อยู่อย่างสบายกายคือ การปรับเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันไดโดยอายุ 60-69 ปี รับ 600 บาท ต่อเดือน อายุ 70-79 ปี รับ 700 บาท ต่อเดือน อายุ 80-89 ปีรับ 800 บาทต่อเดือน และ 90 ปีขึ้นไปรับ 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งได้ประกาศตั้งแต่ตุลาคมปี2554 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินทุกโรงพยาบาลเริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้การสร้างสาธารณูปโภคที่อำนวยความสะดวกเหมาะกับผู้สูงอายุรวมถึงสร้างวินัยในการออม โดยอายุ 15-58 ปี รัฐบาลจะสนับสนุนสมทบเงินออม 50% หาก หากอายุ 58 ปีขึ้นไปรัฐบาลสนับสนุนเงินออม 100%
ขณะที่อยู่อย่างมีคุณค่าคือ การรณรงค์ให้ลูกหลานมีความเคารพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรคำนึงถึงคุณค่าของผู้สูงอายุ โดยรัฐบาลสนับสนุนการสร้างเวทีให้ผู้สูงอายุถ่ายทอดภูมิปัญหาให้กับลูกหลาน รวมทั้งประกอบอาชีพสร้างรายได้ นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลจะบูรณาการทุกกระทรวงในการขยายโอกาส ให้ผู้สูงอายุทุกท่าน ส่งเสริมภูมิปัญหา สร้างอาชีพ รวมถึงการขยายกองทุนกู้ยืมผู้สูงอายุภายใต้สวัสดิการต่างๆ ที่รัฐบาลจัดให้
ส่วนอยู่อย่างสุขใจมีความสุขจะดำเนินการจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุขึ้นในชุมชน มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิด "คนสามวัยใจตรงกัน" ซึ่งมีทั้งวัยเด็ก วัยทำงาน และผู้สูงอายุ ได้แลกเปลี่ยนกัน มีสัมพันธภาพที่ดีในชุมชน ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตสุขภาพ กายที่ดีและอยู่อย่างมีความสุขในชุมชนต่อไป
การมีนโยบาย เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญแก่ ผู้สูงวัย แต่อย่างไรก็ตามการรับฟังความคิดเห็น โดยเฉพาะประสบการณ์ของผู้สูงวัยที่ใช้ชีวิตมาอย่างร่วมสมัย ถือเป็นอีกภาพสะท้อนที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับผู้สูงวัยเช่นกัน
เหตุผลดังกล่าว น่าจะทำให้"นครสวรรค์โพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จึงได้สำรวจความคิดเห็นของผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 1,248 ตัวอย่าง ในประเด็น"ชีวิตของผู้สูงอายุไทย"ณ วันนี้ ทำให้พบประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
"การเมืองไทย" ณ วันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้(5 ปี ที่ผ่านมา) เป็นอย่างไร?พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ร้อยละ51.22 รู้สึก "เหมือนเดิม" เพราะยังมีการทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้ง แตกแยกอยู่เหมือนเดิม นักการเมืองมุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ฯลฯ
"เศรษฐกิจไทย" ณ วันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้(5 ปี ที่ผ่านมา) เป็นอย่างไร?พบว่า ผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ ร้อยละ69.08 รู้สึก "เศรษฐกิจไทย" ณ วันนี้ แย่กว่า เพราะข้าวของทุกวันนี้แพงมากเมื่อเปรียบเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ค่าครองชีพสูงขึ้น เงินไม่พอจ่าย ต้องกู้หนี้ยืมสิน ปีที่ผ่านมาประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมและภัยธรรมชาติอย่างหนัก ฯลฯ
"สังคมไทย" ณ วันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ (5 ปี ที่ผ่านมา) เป็นอย่างไร?พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ร้อยละ66.50 รู้สึก "สังคมไทย" ณ วันนี้ แย่กว่า เพราะคนไทยขาดความสามัคคี แตกแยก ขาดคุณธรรมจริยธรรม ต่างคนต่างเอาตัวรอด ไม่มีน้ำใจ สภาพสังคมเสื่อมโทรม จิตใจคนโหดเหี้ยมมากขึ้น เทคโนโลยี ความทันสมัยต่างๆ เข้ามาทำลายความเป็นไทยฯลฯ
"3 อันดับบทเรียน" ที่ผู้สูงอายุได้รับจากการใช้ชีวิตมาถึง ณ วันนี้ ที่อยากฝากให้ลูกหลาน พบว่า "คำตอบ" ที่ผู้สูงอายุตอบมากที่สุดร้อยละ 36.21 คือ เกิดเป็นคนต้องยึดมั่นในความดี มีความกตัญญู มีน้ำใจ รู้จักให้อภัยและแบ่งปัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
รองลงมา ได้แก่ การใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาทขยัน อดทน ไม่กลัวลำบาก ไม่ฟุ้งเฟ้อ และอยู่อย่างพอเพียงร้อยละ 30.60 คนไทยทุกคนจะต้องรักและหวงแหน แผ่นดินช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม อนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมไทยให้อยู่ต่อไป ร้อยละ15.09
ที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ คือ ความคิดเห็นของผู้สูงอายุ ซึ่งหากได้รับฟังแล้ว ทุกเพศทุกวัยช่วยกันคิด หรือเก็บความคิดเห็นไปคิด ย่อมทำให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันแบบสงบสุข หรือต่อให้มีปัญหาก็สามารถผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ได้ เพราะทุกเพศทุกวัยเข้าใจกัน...
นี่กระมังเขาถึงกล่าวว่า "อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข"เท่านั้น...!! (ถ้าทุกวัยรับฟังกันและกัน) |
| | |
|
| |
|
pageview 1205127 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |