ผักชีฝรั่ง เป็นพืชในวงศ์ผักชี มีสรรพคุณที่น่าสนใจ ใบและใบอ่อนของผักชีฝรั่ง ช่วยแก้อาการท้องอืด ช่วยดับกลิ่นปากได้ดี , ลำต้นผักชีฝรั่ง นำ มาตำผสมกับน้ำมันงา ไปหมกไฟให้สุกนำมาประคบ ช่วยแก้ปวดเมื่อยได้ดี หรือนำลำต้นผักชีฝรั่ง มาต้มกับน้ำใช้ดื่มใช้เป็นยาถ่าย , ลำต้น ตำพอกช่วยแก้พิษงู ช่วยฆ่าเชื้อโรค ช่วยขับปัสสาวะช่วยทำให้เล็บเส้นผม และผิวหนังแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ต่อมไทรอยด์ ทำงานเป็นปกติ และช่วยลดความดันโลหิต, แม่ที่กำลังให้นม ควรทานผักชีฝรั่ง ช่วยทดแทนธาตุเหล็กที่สูญเสียไป , นำเอาน้ำที่ได้จากผักชีฝรั่ง มาทาผิวหนังเพื่อรักษาอาการผื่นคัน ,เมล็ดผักชีฝรั่ง นำมาใช้ทำ Gripe water สำหรับช่วยขับลมในกระเพาะ
นอกจากนี้ วารสารวิชาการ "งานวิจัยมะเร็งเพื่อการป้องกัน" ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผักชีฝรั่ง มีสารประกอบชนิดหนึ่งที่ มีสรรพคุณ สามารถหยุดยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมบางชนิดที่เติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นได้ ในผักชีฝรั่ง มีคุณค่าทางอาหาร ประกอบด้วย เส้นใย แคลเซียม เหล็ก โพแทสเซียมไอโอดีน, วิตามินเอ, วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ไนอาซินมีสารคลอโรฟิลล์สูง, และมีน้ำมันหอมระเหย อย่างเช่น เอพิออล (apiol)1, เบอแกบทีน (bergaptein) ไมรีสทิซิน(myristicin) ฟูราโนคิวมารีน (furanocumarin) ฟลาโนวอยด์ (flavonoids) และยังมีกรดโฟลิก และเมือก หรือมูซิเลจ (mucilage) ที่รากของผักชีฝรั่ง อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวัง เกี่ยวกับผักชีฝรั่ง เนื่องจากผักชีฝรั่งนั้นมีกรด ออซาลิก (Oxalic acid) ในปริมาณที่สูงมากเป็นอันดับ1 ในตระกูลผักทั้งหลาย ซึ่งกรดออกซาลิกนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในไต และกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งอาการที่พบตามมา คือ อาการปวดท้อง ปวดเอว ปัสสาวะติดขัด เป็นต้น ดังนั้นคุณไม่ควรบริโภคผักชีฝรั่งในปริมาณมากเกินไป หรือรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน แต่ควรเปลี่ยนไปรับประทานผักชนิดอื่นบ้างสลับกันไป และ สำหรับสุภาพสตรีไม่ควรนำมาใช้ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่