8 จังหวัดภาคเหนือค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นอีกระลอก ประชาชนออกจากบ้านต้องงัดหน้ากากอนามัยสวมกันฝุ่น ขณะที่ปลัด ก.ทรัพย์ฯ คาดสัปดาห์หน้าปัญหาหมอกควันจะคลี่คลาย เข้มใช้มาตรการกฎหมายขั้นเด็ดขาดจัดการคนรุกป่า เผยพบนายทุนรุกป่าทำธุรกิจมากในเชียงรายและน่าน
          เมื่อวันที่7 มี.ค.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางกรมควบคุมมลพิษได้มีการสรุปสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมโครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 47-268.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ขณะที่ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไปจนถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งที่จังหวัดเชียงราย ในเช้าวันนี้ค่าฝุ่นละอองมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัดค่าได้ 218.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร สาธารณสุขอำเภอแม่สาย วัดได้ 268.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
          ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัด วัดได้ 190.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดได้ 146.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จังหวัดลำพูน สนามกีฬา อบจ. วัดได้ 153.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จังหวัดลำปาง ศาลหลักเมือง 180 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสบป้าด 143.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าสี วัดได้ 236.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ 140.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
          ส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 210.9 ไมโครกรัม/ ลูกบาศก์เมตร จังหวัดน่าน สำนักงานเทศบาลเมืองน่าน 210.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จังหวัดแพร่ อุตุนิยมวิทยาแพร่ 161.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และจังหวัดพะเยา อุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา 224.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร โดยดัชนีคุณภาพอากาศทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือมีผลกระทบต่อสุขภาพ
          นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ว่าขณะนี้พื้นที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดลำปาง ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะมีปริมาณหมอกควันฟุ้งกระจายในพื้นที่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อประเมินในภาพรวม ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมามาก ทั้งนี้ตนคาดว่าหากเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกับปัญหาเร่งแก้ไข และเอาจริงเอาจัง เชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ
          สำหรับสถานการณ์หมอกควันที่เกิดจากไฟป่า พบว่า มีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ส่วนอีกร้อยละ 99 เกิดจากฝีมือมนุษย์ แบ่งเป็น เผาเพื่อหาของป่า,เตรียมพื้นที่ทำการเกษตร และ การเผาป่าโดยนายทุนที่หวังบุกรุกป่าเพื่อทำธุรกิจซึ่งประเด็นเผาป่าโดยนายทุนนั้นพบมากที่สุดในพื้นที่จังหวัดน่าน และจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้มาตรการที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างจริงจัง มองว่าต้องเข้มงวดด้านกฎหมาย โดยเฉพาะการจับกุม และลงโทษอย่างเด็ดขาด
          ขณะที่ ดร.ทรงภพ พลจันทร์ นายกสมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวในงานแถลงเปิดประชุมทางธรณีวิทยา สินแร่ และแหล่งพลังงานของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งที่ 12 ว่า คาดว่าหลังจากนี้ประเทศไทยจะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลกระทบจากโลกร้อนและน้ำทะเลร้อนขึ้น 2 องศา สำหรับวิธีการแก้ปัญหาและป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาล ด้วยการทำฟลัดเวย์ ด้วยการทำทางน้ำไหลคู่ไปกับถนน รวมถึงการปลูกป่า และการสร้างเขื่อนถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพราะวิธีดังกล่าวนี้ในหลายประเทศนำมาใช้แล้วได้ผล เช่น ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น