นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์
ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งอะไรก็ตาม มักเกิดความสับสนระหว่างการเลือกรักษาด้วยวิธีการแพทย์แผนปัจจุบัน และการนำสมุนไพร ซึ่งทั้ง 2 วิธีจะสามารถรักษาไปพร้อมกันได้หรือไม่
รศ.นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้ให้ความเห็นว่า
การรักษามะเร็งในแผนปัจจุบัน มีทั้งการผ่าตัด ฉายแสง และเคมีบำบัด ซึ่งยาเคมีบำบัดส่วนหนึ่งจะมีสารประกอบที่สำคัญจากสมุนไพร เช่น ยา vincristine และ vinblastine ซึ่งใช้ในการรักษามะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นยาที่มีสารตั้งต้นจากต้นพังพวย (Catharanthusroseus) เป็นต้น กว่าที่สมุนไพรจะกลายมาเป็นส่วนประกอบของยาเคมีบำบัดนั้น ต้องได้รับการพัฒนาและมีการศึกษาตามขั้นตอนทั้งในระดับหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง และในคน จนทำ ให้ทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ที่ชัดเจน วิธีการใช้ และข้อบ่งชี้ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน
หากแต่สมุนไพรที่ใช้กันทั่วไปในท้องตลาด อาจเป็นสมุนไพรเดี่ยวหรือสมุนไพรหลายตัวที่อยู่ในตำรับยา จะมีส่วนประกอบทางเคมีของสารหลายอย่างที่ไม่สามารถบอกได้ว่าสารตัวใดที่มีผลต่อมะเร็งโดยตรง และนอกจากนี้ยังไม่สามารถควบคุมความเข้มข้นได้ ทำให้ไม่ทราบทั้งประสิทธิภาพหรือพิษที่ชัดเจนของสมุนไพรที่นำมาใช้ รวมถึงการใช้สมุนไพรในปัจจุบันจะมีข้อจำกัดอยู่มากในการรักษามะเร็ง อาจเกิดข้อเสียได้คือ
1.การใช้สมุนไพรที่ไม่ทราบขนาดของยาและสารออกฤทธิ์ อาจจะได้สารพิษที่ปนมา เป็นเหตุให้ ตับ ไต หรือ หัวใจเสื่อมลง
2.การรักษาด้วยสมุนไพร แล้วละเลยการรักษาแผนปัจจุบัน ทำให้โรคมะเร็งลุกลามมากขึ้น โอกาสของการรักษาให้หายมีน้อยลง
3.สมุนไพรอาจมีผลกระทบกับการรักษาในแผนปัจจุบัน โดยเพิ่มฤทธิ์หรือลดฤทธิ์ของยาแผนปัจจุบัน เช่น ทำให้เม็ดเลือดต่ำลง ติดเชื้อง่ายขึ้น เลือดออกง่ายขึ้น มีผลข้างเคียงของยามากขึ้นจนอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ฉะนั้นการรักษามะเร็งด้วยสมุนไพร ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบและขอคำแนะนำจากแพทย์ รวมถึงควรมีการบันทึกข้อมูลการใช้สมุนไพรของผู้ป่วยอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัดชนิดกินผสมอยู่ในสมุนไพร หรือยาที่มีส่วนผสมของสมุนไพรใดๆ ก็ตาม
ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล