HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
บ้านเมือง [ วันที่ 29/10/2556 ]
รักตัว กลัวเบาหวาน...กินอาหารให้เป็นยา

 

  แฟนประจำของผมโทร.มาหา...ขอให้เขียนเรื่องเบาหวานอีกสักรอบเบาหวาน...ผมเขียนไปหลายครั้งแล้ว จึงบอกให้ไปหาดูเอาจากเว็บไซต์ เลยโดนสวนกลับ ว่าอีฉันมันเลย 80 ไปแล้ว จะลงโลงวันไหนยังไม่รู้ จะให้ไปเปิดเว็บเปิดแว็บอะไรฉันทำไม่เป็น ตาก็ล่วงหน้าไปก่อนหลายปี อยู่กับลูก ลูกก็ไม่ใช่วัยรุ่น ทั้งบ้านที่อยู่กัน 2 คนไม่มีใครรู้เรื่องคอมพ์ หรอกเจ้าค่ะ
          ขอให้ช่วยลงหนังสือพิมพ์อีกสักครั้งจะเป็นพระคุณอย่างสูง แล้วครั้งนี้จะตัดแปะข้างฝาไว้ไม่ให้หายไปไหน ทั้งยังจะก๊อปปี้แจกพวกเดียวกันที่ชอบมาขอหนังสือพิมพ์ไปอ่านแล้วไม่ยอมคืน...ก็ต้องตามใจครับ เดี๋ยวประท้วงขึ้นมาเบาหวานขึ้นผมจะบาป
          ผู้ป่วยรายนี้ป่วยเป็นเบาหวานประเภท 2 มากว่า 20 ปี โทร.มาปรึกษาหมอใบไม้บ่อย ที่โทร.มาบ่อย โดยถามแต่เรื่องเดิมๆ เพราะที่บอกไปมักจะลืม เป็น กระทั่งเบาหวานขึ้นตา จึงไม่สามารถเขียน จดอะไรได้
          เป็นผู้ป่วยมีวินัย...ดูแลตัวเองดี ฟังหมอ ทำทุกอย่างที่หมอบอก ไปโรงพยาบาลระยะหลังได้ยากลับมามากขึ้น จนได้เจอกับหมอใบไม้ เพราะอ่านคอลัมน์นี้ เดี๋ยวนี้คุณยายไม่ต้องกินยาแล้ว คุณยายทำทุกอย่างที่แนะนำไป ยายกินข้าว กินผักอย่างที่หมอใบไม้บอกครบถ้วนทุกประการ...น้ำตาล ไขมันจึงลดลง ทั้งอาการมึนงงหายสนิท ต่างจากการกินยาเหมือนขาวกับดำ
          เบาหวานเป็นโรคไม่มียารักษา ต้องดูแลตัวเอง ต้องใช้อาหารควบคู่การออกกำลังกาย จึงได้ผล
          การใช้อาหารสู้โรค ไม่ใช่เป็นความอุตริของหมอใบไม้เพ้อเจ้อคนเดียว กองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข มีงานวิจัยด้านอาหารมากมาย และยอมรับกันว่าอาหารนั้นเป็นยาได้หากรู้และเข้าใจ เพราะวันนี้ลำพังยาจากสารเคมีเพียงตัวเดียว มันสู้โรคไม่ได้แล้ว เพราะโรคมันสู้ยา หมอจึงใช้วิธีเพิ่มปริมาณยา แล้วเปลี่ยนยา สุดท้ายหมดทางไป ทำได้แค่ประคองชีวิตเท่านั้น ซึ่งยังถือเป็นเรื่องที่ดีอยู่ อย่างน้อยผู้ป่วยก็ดูโลกได้ยืนยาวขึ้น
          กรณีของเบาหวานเมื่อเราเข้าใจ รู้ว่าวันนี้ในโลกของเราไม่มียารักษาเบาหวาน มีเพียงยาคุมระดับน้ำตาล...ผู้ป่วยจำเป็นต้องหาทางอื่นสู้ เพราะแพทย์แผนปัจจุบันเขามีขีดจำกัดด้านความรู้ ไม่ใช่แพทย์รู้น้อย แต่แพทย์แผนปัจจุบันรู้โรคตามแบบแผนตะวันตก แบบนั้นต้องใช้ยาจากสารเคมีเพียงอย่างเดียว มียาให้ใช้ก็ใช้ไปเท่าที่มี
          เมื่อหมอใบไม้นำวิธี "ปราณบำบัด" มาใช้ คำถามจากผู้ป่วยก็ไหลมาทุกทิศด้วยความสงสัย เพราะยังไม่เข้าใจเรื่องของปราณบำบัด วันนี้กลุ่มปราณบำบัดของหมอใบไม้เติบโตไม่หยุด เพราะวิธีดังกล่าวสามารถหยุดโรคได้จริงด้วยการบำบัด ไม่ใช่รักษาไม่ต้องเป็นแพทย์ก็ดูแลตัวเองได้
          การนำอาหารมาเป็นยา โดยการใช้ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือในกรณีบำบัด ผู้ป่วยเบาหวาน...ข้าวกล้องคือยาสามารถยับยั้งน้ำตาล กับไขมันส่วนเกินในกระแสเลือดได้อย่างน่าอัศจรรย์
          ผู้ป่วยเบาหวานต้องหยุดรับประทานข้าวขาว เพราะข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือมีสารพัดของดีที่เป็นยา อาทิ...
          สารกาบา...เป็นสารอาหารที่มีในข้าวซ้อมมือมากกว่าธัญพืชประเภทอื่น...แล้วสารกาบามีความสำคัญอย่างไรกับผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งที่สารกาบาโดยทางการแพทย์แล้ว ถือว่าเป็นตัวป้องกันโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคความจำเสื่อม หากมองงานวิจัยเพียงด้านเดียวก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ด้วยคุณสมบัติของอาหาร มีความแตกต่างจากยาสารเคมี...อาหารชนิดเดียวนี่แหละ มีคุณสมบัติหลากหลาย ใช้ได้สารพัดประโยชน์
          การที่สารกาบาช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ผลดีคือ ระบบสมองเหมือนได้รับการคุ้มครอง มีการทำนุบำรุงให้เซลล์สมองมีความสมบูรณ์ตลอดเวลา "เมื่อเซลล์สมองดี นอกจากความจำดี...ระบบสั่งการยังดีอีกด้วย"
          ระบบสั่งการมีความหมายมาก...ความเจ็บป่วยที่รักษากันไม่หาย ส่วนหนึ่งมีผลมาจากระบบสั่งการบกพร่อง เพราะร่างกายมนุษย์ทั้งหมด หากระบบสั่งการบกพร่อง ความบกพร่องในที่นี้หมายถึงมันทำงานไม่สะดวก เมื่อเป็นเช่นนั้นตับ ไต ใส้ พุง...ฯลฯ จึงไม่มีอะไรไปกระตุ้นให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการท้องผูก เราก็ไปแก้กันที่ปลายเหตุด้วยการกินยาระบาย เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดจากระบบสั่งการด้วย
          เมื่อแก้ปัญหาปลายเหตุด้วยการกินยาระบาย ปัญหาอาการท้องผูกแก้เท่าไรจึง
          ไม่จบ ผู้ป่วยก็ต้องกินยาระบายแทบทุกวัน ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย
          การรับประทานข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือจึงทำให้ผู้ป่วยได้รับกากใยเป็นลำดับแรก กากใยนั้นช่วยในการขับถ่าย ช่วยดึงทั้งไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากกระแสเลือด ยิ่งเป็นกากใยจากข้าวด้วยแล้ว ยิ่งมีประสิทธิภาพสูงมาก เมื่อได้ทำงานร่วมกับกากใยจากผัก และเมื่อได้ระบบสั่งการที่ดี แน่นอนว่าผู้ป่วยเบาหวาน ย่อมไม่มีปัญหาตรงนี้
          งานวิจัยทางโภชนาการพูดถึงเรื่องดีของสารกาบาเพียงด้านเดียว แต่หมอใบไม้ต่อยอดให้ เพื่อความเข้าใจในเชิงลึกอีกขั้น
          ธาตุเหล็ก...เป็นสารอาหารอีกชนิดที่ ผู้ป่วยเบาหวานต้องให้ความสำคัญ เหล็ก...เป็นโมเลกุลของเลือดมนุษย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักทั้งหมด ร่างกายมนุษย์มีของเหลวเป็นโครงสร้างหลัก โดยมีเลือดอยู่ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นหากเลือดไม่ดี กรณีผู้ป่วยเบาหวาน ชัดเจนว่าเลือดมีปัญหา เพราะเลือดมีการปนเปื้อน ในกระแสเลือดมีน้ำตาลส่วนเกิน
          น้ำตาลส่วนเกินที่ว่าคือส่วนที่ร่างกายไม่ได้ใช้ มันจึงเข้าสู่กระแสเลือด และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดการ
          ผู้ป่วยเบาหวานจะเป็นผู้ที่มีปัญหาด้านเม็ดเลือด หรือความสมดุลของเลือดเสียไปนั่นเอง การที่ร่างกายได้รับธาตุเหล็กในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะธาตุเหล็กที่มาจากอาหารธรรมชาติ ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่าการไปกินสารอาหารจากสารเคมีและอาหารเสริมที่คุยโม้โอ้อวดกันจนเกินเลยความเป็นจริง...ธาตุเหล็กจากข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบได้ดีที่สุด
          นอกจากนี้ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือยังมี "จมูกข้าว"...ในจมูกข้าวนั้นมีสารแกมมาโอริไซนัล สารตัวนี้ช่วยลดไขมันตัวไม่ดี (LDL) แต่ไปช่วยเพิ่มไขมันตัวดีคือ (HDL) การได้ไขมันตัวดีเพิ่มขึ้นจะทำให้ไตกลีเซอร์ไลด์ลดลง ตับก็จะปลอดภัยมากขึ้น เส้นเลือดจะมีความยืดหยุ่นด้วยแต่มีข้อควรระวัง...ต้องไม่บริโภค "ข้าวที่มีสารเคมีปนเปื้อน" เช่นนั้นแล้วเสมือนท่านได้รับธาตุเหล็กที่มีการปนเปื้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
          หากระบบเลือดมีปัญหา นอกจากมีน้ำตาลปนเปื้อน อีกปัญหาคือ เซลล์จะไม่สามารถได้รับออกซิเจนเพียงพอ เพราะเลือดดีหมายถึงธาตุเหล็กดูดซึมได้ดี ธาตุเหล็กจะทำหน้าที่พาออกซิเจนเข้าระบบเซลล์ ให้เซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากระบบเซลล์ดี แม้มีความเจ็บป่วย การควบคุมโรคจะทำได้ง่าย
          วิตามินบี 1...ใครเป็นเบาหวาน ร่างกายต้องใช้วิตามินตัวนี้มาก วิตามินบี 1 ทำหน้าที่สร้างเนื้อเยื่อ ส่วนที่เสียหายจากการอักเสบ มันต้องพาอินซูลินเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้อินซูลินพาน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายต้องใช้เข้าสู่ระบบเซลล์...หากผู้ป่วยเบาหวาน ยังกินข้าวขาว...วิตามินบี 1 ต้องไปช่วยในการย่อยแป้ง ซึ่งเป็นงานที่มันไม่ควรไปทำ เท่ากับเราไปเพิ่มภาระหน้าที่ให้วิตามินบี 1
          เมื่อผู้ป่วยไม่ยอมกินข้าวกล้อง จึงเท่ากับขาดวิตามินตัวนี้ไป เพราะในข้าวกล้องมีอยู่ ร่างกายต้องไปดึงของสำรองออกมาใช้ และในความเป็นจริงมันไม่พอ อินซูลินจึงขาดตัวช่วย ระบบน้ำตาลจึงเสียหาย กลายเป็นน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด แทนที่จะไปเข้าสู่เซลล์เพื่อให้ได้ใช้งาน กลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนให้เซลล์เสื่อม หรืออักเสบขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยขาดตัวอาหารที่เป็นยาคือวิตามินบี 1
          แคดเมียม...เป็นสารอาหารสำคัญมากที่คนทั่วไปมักมองข้าม แคดเมียมเป็นตัวในระบบเผาผลาญเพื่อให้สารอาหารเข้าสู่ร่างกายถึงระดับเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อาหารที่รับประทานเข้าไปถูกใช้งานเต็มที่ ไม่ใช่ร่างกายกินครึ่งทิ้งครึ่งอย่างที่เป็นกัน ใครที่รับประทานข้าวซ้อมมือ หรือธัญพืชไม่ผ่านขบวนการขัดสี ย่อมได้รับแคดเมียมแน่นอน
          เห็นหรือยังว่าคุณสมบัติของข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือเยี่ยมยอดดังของวิเศษจริงๆ แต่เพราะเราไปเชื่อยาสารเคมี ไม่มองของดีที่มีในบ้านเรา โดยไม่รู้ว่าในโลกนี้ไม่มียารักษาเบาหวาน มีแต่ยาคุมระดับน้ำตาล แต่เราไปเข้าใจผิดกันว่ายาจะสู้เบาหวานได้ รักษาไปรักษามา ท้ายที่สุดอาการเบาหวานแย่ลงไปเรื่อยๆ ยิ่งรักษา ยาก็เพิ่มมากขึ้น น้ำตาลยิ่งคุมยากขึ้น แต่ผู้ป่วยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เมื่อถามหมอว่าทำไมถึงมึนงง ทำไมถึงชามือชาเท้า หมอบางคนก็ตอบคนไข้ให้ความกระจ่าง แต่ส่วนใหญ่หมอรำคราญคนไข้ คนไข้จึงงงกับโรคที่ตัวเองต้องเผชิญหน้า และไม่มีความหวัง
          สรุปว่า...ผู้ป่วยเบาหวาน สามารถดูแลตัวเองได้ไม่ยากเลย หากไม่ต้องการกินยา ก็ต้องใส่ใจด้านโภชนาการ
          ...อย่างแรก ต้องทิ้งแป้งสีขาว หรือจำพวกแป้งสีขาว กินได้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ในชีวิตประจำวันต้องหยุดความอยากนี้ให้ได้...แล้วเพิ่มปริมาณผักให้มากขึ้น ผลไม้นี่ก็จำเป็น ดูที่ความหวานต่ำ
          ...ที่ขาดไม่ได้ ต้องออกกำลังกาย การออกกำลังกายทำให้พลังงานส่วนเกินถูกเผาผลาญ ทั้งน้ำตาลทั้งไขมันเป็นพลังงาน
          และมักมีคำถามเดิมๆ เสมอ...ในเมื่อการกินยา สามารถคุมระดับน้ำตาล ทำไมจะกินยาไปตลอดชีวิตมิได้หรือ...การกินอาหาร การพยายามใช้อาหารคุมโรค มันมีเงื่อนไขมากมาย คนป่วยจะออกอาการรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ยุ่ง เพราะมักจะมีข้อห้ามหยุมหยิม...อย่างนี้กินได้ อย่างนี้กินไม่ได้ ไอ้ที่ชอบกินมักจะโดนห้าม ซึ่งทำให้เครียด สำหรับหมอใบไม้...คงแทบไม่ห้ามอะไร เพียงขอให้มันน้อยลงหน่อย
          รวมถึงอะไรที่ไม่ชอบคงต้องจำใจกิน...ข้าวกล้องนี้หลายคนก็สั่นหน้า ติว่ามันแข็ง กินไม่อร่อย ไอ้ของอร่อยทำให้เราป่วยจึงเป็นของชอบ เดี๋ยวนี้ข้าวกล้องอร่อยๆ มีมากมาย ข้าวกล้องหอมมะลินั้น นิ่มนวล หอมชวนกิน กินได้ทั้งข้าวต้มข้าวสวย
          ยิ่งได้ข้าวปลูกในระบบอินทรีย์ ยิ่งเป็นข้าวอร่อย จะนิ่มกว่าข้าวที่ปลูกโดยใช้สารเคมี และข้าวไม่บูดเน่าเสียง่ายด้วยสิ สารอาหารในข้าวจะคงที่อยู่นานกว่า ไม่เสื่อมสลายง่ายๆ
          ทุกวันนี้ หมอใบไม้ปลูกข้าวเอง เป็นข้าวอินทรีย์ ผักก็ปลูกเอง บ้านที่กรุงเทพฯ มีผักกระถาง เป็นผักพื้นบ้าน ทั้งข้าวทั้งผัก ส่วนเกินผมจะแบ่งปันให้ผู้ป่วย ให้เพื่อนฝูงได้ลิ้มลองเสมอ ใครกินข้าวของผมแล้วไม่อยากกินข้าวที่ไหน แค่หุงมันก็หอมฟุ้งออกไปถึงถนนหน้าบ้าน ข้าวที่ปลูกด้วยสารเคมีไม่หอมอย่างนี้...และจากการทดลองการใช้ข้าวอินทรีย์บำบัดผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า
          ข้าวเป็นยาชั้นดี รู้แล้วอย่ารีรอ หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา...เบาหวานก็ไม่ใช่โรคน่ากลัว ถ้าเข้าใจมัน มันจะน่ากลัวต่อเมื่อเราขาดวินัย ไร้ความรับผิดชอบต่อชีวิตตนเอง หากยังสงสัยอะไร โทร.มาหา...08-5151-8844

pageview  1205465    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved