ภายใต้การแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน เชื่อว่าการสร้างสุขภาวะองค์กร(Happy Work Place)หรือการหาความสุขที่ทำให้คนเราเกิดสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตน นับเป็นเรื่องที่ภาคเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญยิ่ง
          ในการประชุมนานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพครั้งที่ 21(The21 th  IUHPE World Conference on Health Promotion 2013) ซึ่งประเทศไทยโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ได้รับคัดเลือกจากสมาพันธ์นานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพและการศึกษา (The International Union of Health Promotion and Education :IUHPE)ให้เป็นเจ้าภาพการประชุมภายใต้หัวข้อ"การลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพ(Best Investments for Health)"โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค.นี้ การประชุมครั้งนี้นับว่าได้รวมหัวกะทิทางด้านการสร้างเสริมสุขภาพมากกว่า 2,000 คน จากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
          ประเด็นการสร้างเสริมสุขภาวะองค์กรได้ถูกหยิบยกขึ้นมาและได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมเช่นกัน โดยผ่านกิจกรรมลงพื้นที่ศึกษาดูงานด้านสร้างเสริมสุขภาพ ที่ได้เข้าเยี่ยมชมองค์กรต้นแบบด้านเสริมสร้างสุขในองค์กรที่มีสถานที่น่าทำงานที่สุด"บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น จำกัด"
          เอเซีย พรีซิชั่นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์อันดับ 1 ของประเทศ แต่ให้ความสนใจเรื่องการทำงานภายใต้"องค์กรแห่งความสุข"ยึดเป็นแนวปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นองค์กรต้นแบบที่เป็นรูปธรรมของความสุขที่เกิดจากการทำงานอย่างแท้จริง สะท้อนจากอัตราการออกจากงานของพนักงานที่ต่ำ โดยบริษัทฯ เริ่มต้นทำธุรกิจเมื่อปี2537ด้วยจำนวนพนักงานเพียง15คน สู่800กว่าคนในปัจจุบัน
          สไตล์การสร้างสุขของเอเชีย พริซิชั่น ที่ว่านั้นจะเน้นความสุขตามแบบฉบับวิถีไทย โดยน้อมนำ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางปฏิบัติขององค์กร ภายใต้แนวคิด "มุ่งสร้างคนดีแทนคุณแผ่นดิน" โดยการปลูกฝังจิตใจของพนักงานให้เป็นคนดี ด้วยหลักพัฒนาคนดี5ประการ ประกอบด้วยมีวินัย สามัคคี เสียสละ คุณธรรม และกตัญญู
          "ปณิธานของเรา คือ "โรงงานเป็นได้มากกว่าที่ทำมาหากิน แต่ยังเป็นที่บ่มเพาะ"คน"ให้เป็น"คนดี" เพราะเรามีความเชื่อว่าหาก "คนดี" ครอบครัวก็ดีตาม ชุมชนก็จะดีด้วยประเทศชาติจึงดีได้"นายอภิชาติ การุณกรสกุลกรรมการผู้อำนวยการเอเชีย พริซิชั่น กล่าว
          การพัฒนาคนเน้นส่งเสริมการกระทำไม่ใช่เพียงเข้าใจและตระหนักรู้เกิดจากผู้นำองค์กรปฏิบัติร่วมกับพนักงาน อาทิ การนำพนักงานไปเข้าค่ายทำนาที่พนัสนิคม เพื่อสร้างวิชาชีพ,ปลูกต้นไม้, บริจาคเลือด ฯลฯ ตลอดจนการให้คืนกลับสู่สังคม ชุมชน โดยเอเชีย พริซิชั่น เข้ามามีบทบาทให้การสนับสนุนช่วยเหลือ"โรงเรียนวัดกลางคลองหลวง"ซึ่งเป็นการให้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนห้องสมุด,ทาสีโรงเรียน, ก่อสร้างโรงเกษตรสอนการเลี้ยงสัตว์ อาทิหมู ไก่ และ ปลา ฯลฯ รวมถึงการดูแลความสุขทางจิตใจ
          สร้างสายสัมพันธ์ที่ยังยืนในระยะยาว ซึ่งนับว่าเป็นการให้ไม่ใช่เพียงการให้เพียงวัตถุเหมือนอย่างที่บริษัทอื่นทั่วไป
          "กิจกรรมและโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงสะพานเชื่อมไปสู่การสร้างประสบการณ์ตอกย้ำอันทรงคุณค่าแห่งการเป็นคนดี เพราะหัวใจสำคัญของการทำกิจกรรมสร้างสุขนั้นอยู่ที่การได้ทำให้พนักงานซึมซับเรื่องราว ได้รับความรู้สึกดีๆให้พวกเขามีความสุข มีความพึงพอใจ ในสิ่งที่ได้ทำถือเป็นประเด็นสำคัญมากยิ่งกว่า"อาจารย์สัมฤทธิ์กล่าวย้ำ
          ด้านอาจารย์ สัมฤทธิ์ สว่างคำ ผู้อำนวยการสถาบัน สร้างคนดีบริษัท สร้างคนดี จำกัดที่ปรึกษาเอเชีย พริซิชั่นซึ่งเป็นผู้ดูแลงานสร้างคนของเอเชีย พริซิชั่นกล่าวเสริมว่า อีกนัยมุมหนึ่งบริษัทได้นำ
          แนวคิดกรอบสร้างสุข8ประการ (Happy 8) ของสสส. มาวิเคราะห์ใช้กับองค์กร โดยกรอบความสุข 8 ประการ ที่ว่า ได้แก่ Happy Bodyสุขภาพดี แข็งแรงทั้งกายและจิตใจHappy Heartมีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกันและกันHappy Soulมีความศรัทธาในศาสนาและมีศีลธรรมในการดำเนินชีวิต Happy Relax รู้จักผ่อนคลายต่อสิ่งต่างๆ ในการดำเนินชีวิตHappy Brain การศึกษาหาความรู้ พัฒนาตนเองตลอดเวลา Happy Moneyมีเงินรู้จักเก็บรู้จักใช้ ไม่เป็นหนี้ Happy Familyมีครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคงและHappy Societyมีความรักสามัคคี เอื้อเฟื้อต่อชุมชนที่ทำงานและที่พักอาศัย
          นพ.ชาญวิทย์วสันธนารัตน์ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวว่า เอเชีย พริซิชั่น เป็นอีกหนึ่งองค์กรต้นแบบด้านการสร้างสุขในองค์กรที่ สสส. สนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องและได้รับรางวัลHappy Workplace Awardเมื่อปี2555ทั้งนี้ แผนการสร้างเสริมสุขภาวะองค์กร ยังคงมีอีกหลายแง่มุมในการสนับสนุนให้หน่วยงาน และองค์กรภาคธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งจะทำให้ธุรกิจและสังคมมีความยั่งยืน ซึ่งดำเนินการมากว่า5 ปี มีองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 4,000 องค์กรเข้าร่วม เพราะเชื่อมั่นว่า ธุรกิจไม่มีทางอยู่ได้หากสังคมรอบข้างไม่เอื้ออำนวย
          "ไทยนับเป็นประเทศผู้นำโลกที่ให้ความสำคัญกับHappy Workplaceเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนเพียงในเรื่องของสุขภาพในการทำงานHealthy Workplaceเพียงด้านเดียว"นพ.ชาญวิทย์ กล่าว