HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
บ้านเมือง [ วันที่ 05/09/2556 ]
'กดจุด หยุดปวด'

  นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์
          การกดจุด เป็นการบรรเทาอาการปวดที่ไม่ต้องกินยา แต่ใช้การกดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด เป็นศาสตร์ของแพทย์ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยอีกแขนงหนึ่ง" อาจารย์ น.พ.ชนินทร์ ลีวานันท์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เล่าว่า การกดจุด เป็นศาสตร์ของการแพทย์แผนปัจจุบัน แผนไทย และการแพทย์แผนจีน ที่นำมาประยุกต์สำหรับใช้ลดอาการปวด โดยใช้นิ้วโป้ง หรือนิ้วชี้ กดลงบนร่างกายตามจุดต่างๆ
          สิ่งสำคัญของการกดจุด เพื่อให้พังผืดที่มีการเกาะรั้งในตำแหน่งของมัดกล้ามเนื้อข้างๆ ให้มีการคลายตัว การกดค้างไว้สักครู่แล้วปล่อยนิ้ว จะทำให้จุดที่กดขาดเลือดชั่วคราว แต่เมื่อปล่อยนิ้วเลือดจะวิ่งกลับมามากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณที่กด เมื่อกล้ามเนื้อมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น ก็จะช่วยลดอาการปวดจากการขาดเลือดมาเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ แต่ในกรณีที่เมื่อกดไปแล้วกล้ามเนื้อยังเกร็งอยู่ อาจพบในคนไข้ที่กินยาแก้ปวดมานานเป็นเวลา 8-10 ปี จึงทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ยาก กรณีเช่นนี้จะต้องใช้เวลาในการกดจุดนานกว่าคนไข้ที่เพิ่งเป็น 2-3 ปี
          การกดจุดโดยทั่วไป จะเป็นการกดที่จุดปวดกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นพังผืด เช่น ที่คอ หลัง สะโพก หรือเป็นการกดจุดตามสัญญาณแพทย์แผนไทย เช่น สัญญาณไหล่ สัญญาณหลัง และยังกดตามจุดฝังเข็มได้ โดยเฉพาะที่บริเวณแนวขนานกระดูกสันหลังระดับคอและเอว
          ข้อห้ามของการกดจุด คือ ตำแหน่งที่เป็นมะเร็ง เพราะอาจเกิดการกระจายของเซลล์มะเร็ง ผู้ที่มีการติดเชื้อ เช่น เป็นฝี หนอง เซลล์อักเสบติดเชื้อ เช่น ทางเดินน้ำเหลืองอักเสบ ข้ออักเสบ หรือบริเวณที่เพิ่งมีการบาดเจ็บ หรือเลือดออกที่ยังหายไม่สนิท
          ผลการรักษา ขึ้นอยู่กับอาการปวดของคนไข้แต่ละราย ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้น 80% ส่วนอีก 20% ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองของคนไข้ โดยหลังการรักษา แพทย์จะแนะนำท่าสำหรับฝึกให้ผู้ป่วย เพื่อช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อครับ
          ท้ายนี้ ขอฝากท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย อาจเริ่มที่การปรับพฤติกรรมต่างๆ เช่น การนั่งทำงานนานๆ ควรมีการพักเพื่อยืดกล้ามเนื้อทุกๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น การหมุนแขนเบาๆ หรือจะเป็นท่าหันหน้าซ้ายให้สุด จากนั้นสลับเป็นด้านขวา รวมทั้งเอามือขวาสัมผัสศีรษะด้านซ้าย ดึงศีรษะไปด้านขวา ทำสลับกัน โดยการทำทุกท่าจะต้องไม่ฝืน ถ้ารู้สึกตึงก็ปล่อยกลับสู่สภาพปกติ ซึ่งวิธีการบริหารกล้ามเนื้อนี้สามารถทำได้ทุกคนครับ
          ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
          น.พ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์


pageview  1205849    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved