นายแพทย์วิทยา หลิวเสรี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2555 - 16 ม.ค. 2556 นั้น ในช่วงฤดูหนาว พบว่าที่ผ่านมามีผู้ป่วยหมดสติและเสียชีวิตขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สในที่พักพื้นที่ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ จำนวน 5 ราย เสียชีวิต 2 ราย จากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ร่วมกับขณะอาบน้ำไม่เปิดพัดลมดูดอากาศ หรือไม่มีการระบายอากาศที่เพียงพอ ทำให้ปริมาณออกซิเจนน้อยลง ระหว่างที่เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สทำงานมีการเผาไหม้ให้ความร้อน เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้เม็ดเลือดแดงจับออกซิเจนได้น้อยลง ร่างกายขาดอากาศหายใจ มีอาการหมดสติ อาจทำให้เสียชีวิตได้
นายแพทย์วิทยากล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้ป่วยและเสียชีวิตสูง คือ ไม่เปิดพัดลมดูดอากาศ หรือไม่มีการระบายอากาศที่เพียงพอ เพราะทำให้ปริมาณออกซิเจนน้อยลง จึงขอเน้นย้ำเตือนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูง ซึ่งจะต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส เช่น จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น และผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ที่พัก ที่มีการใช้เครื่อง ทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส ให้มีการปฏิบัติตามข้อแนะนำเพื่อลดการป่วยและเสียชีวิตดังนี้
สำหรับนักท่องเที่ยวควรเปิดพัดลมดูดอากาศทุกครั้งที่อาบน้ำ ถ้าพัดลมหรือไฟฟ้าไม่ทำงานให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ทันที หากมีการอาบน้ำติดต่อกันหลายคน ให้เปิดพัดลมดูดอากาศและเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที ก่อนคนถัดไปจะเข้าอาบ ในกรณีที่ไม่มีพัดลมดูดอากาศให้สำรวจว่าประตูห้องน้ำมีช่องกว้างพอสมควรให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้หรือไม่ ในกรณีที่ไม่มีทั้งสองอย่างให้แง้มประตูในขณะอาบน้ำเพื่อให้มีช่องลมผ่าน ไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป โดยเฉพาะเกิน 10 นาที เนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิดการสะสมของแก๊สพิษในระดับที่เป็นอันตรายแก่ชีวิต และควรมีเพื่อนอยู่ในระยะที่สามารถเรียกขอความช่วยเหลือ หากมีเหตุฉุกเฉิน