ยุค 3G ทั่วไทย Wi-Fi เข้าถึง จนปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเปรียบเสมือนลมหายใจในการดำเนินชีวิตประจำวันตั้งแต่ลืมตาตื่นกระทั่งกลับเข้านอน ทำให้การสื่อสารเกือบทุกเรื่องในวันนี้จำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมที่เกิดจาก เทคโนโลยีทั้งสิ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเกิด ผลสำเร็จ

          เหตุนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สถาบัน Change Fusion, Google Thailand และบริษัท ซัมซุง (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม "Hackathon" ส่วนหนึ่งของ การประกวด แข่งขันพัฒนาแอพพลิเคชั่น ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (Health App Challenge: HAC) เปิดโอกาสให้เยาวชน และบุคคลทั่วไปในวงการไอทีร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม ส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสร้างเสริมสุขภาพ และผลักดันให้เป็นเครื่องมือสนับสนุนองค์ความรู้ด้านสุขภาพให้กับประชาชนในอนาคตอันใกล้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านองค์ความรู้เป็นผู้ให้ข้อมูลทางวิชาการด้านการสร้างเสริมสุขภาพ และแข่งขันกันแบบมาราธอนตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมง

          นายไกลก้อง ไวทยการ รองผู้อำนวยการ สถาบัน Change Fusion, Google Thailand เล่าถึงที่มาของกิจกรรมว่า ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปทุกวันนี้ทำให้ เกิดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพตามมามากมาย การมีข้อมูล ที่ถูกต้องเพื่อทำความเข้าใจและป้องกันรักษาจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันคนส่วนใหญ่รับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วด้วยสมาร์ทโฟนที่เจาะกลุ่มเป้าหมาย ทั้งคนทำงานประจำ คนทำงานอิสระ กลุ่มแรงงาน นักเรียน และนักศึกษา ดังนั้น ข้อมูลวิชาการ เทคโนโลยีและความคิด สร้างสรรค์ จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องมือที่ใช้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งทางกูเกิ้ลให้ความสำคัญและสนับสนุนให้เป็นนวัตกรรมทางสังคมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนทั่วโลก

          นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผอ.สำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. กล่าวว่า แอพพลิเคชั่นสร้างเสริมสุขภาพเป็นนวัตกรรมหนึ่งทางสังคมที่ สสส. พยายามขับเคลื่อน เพราะในอนาคตคงปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตเราจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ฉะนั้นการจับมือกับกูเกิ้ลซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก จึงเป็นไปเพื่อสานต่อการพัฒนาสู่ระดับสากล โดยวางโจทย์การพัฒนาแอพพลิเคชั่น 4 ประเด็น ได้แก่ 1.สุขบัญญัติ 10 ประการ 2.เลิกเหล้า-บุหรี่ 3.อาหารและ ออกกำลังกาย และ 4.การจัดการเงิน

          ทั้งนี้ เชื่อว่าแอพพลิเคชั่นที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะไม่มี แอพพลิเคชั่นที่ดีที่สุด เพราะการใช้งานขึ้นอยู่กับความชอบหรือ ถูกจริตกับผู้ใช้ หมายความว่า อาจจะมีแอพพลิเคชั่นสอนล้างมือ มากถึง 100 แบบให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้งานอย่างเหมาะสม ซึ่งเกิดจากนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญของช่วงวัยต่างกันเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงมากที่สุด ในอนาคตเราอาจจะเห็นนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นสอนเรื่องสุขบัญญัติ 10 ประการ เป็นนักเรียนระดับ ป.5 ก็เป็นได้

          ฉะนั้นกิจกรรมนี้จึงเสมือนภูเขาไฟปะทุไอเดียพัฒนาแอพพลิเคชั่นหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันตามวัยหรือตามพฤติกรรมของนักพัฒนาเอง ซึ่งมีตั้งแต่นักเรียนอายุ 15 ปีขึ้นไป จนถึงผู้ใหญ่ที่ประกอบอาชีพทางด้านนี้ และแม้ว่าในเวลาเพียงแค่ 24 ชม. แอพพลิเคชั่นจะไม่เสร็จสมบูรณ์แบบ แต่ไอเดียที่ผู้เข้าแข่งขันนำเสนอสามารถต่อยอดและเพิ่มโอกาสเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้อีกด้วย เพราะแอพพลิเคชั่นที่ดี สามารถขายได้ทั่วโลก

          "ไม่เพียงเท่านั้น หากแต่แนวคิดการพัฒนา แอพพลิเคชั่นสร้างเสริมสุขภาพในวันนี้ ยังนำไปสู่การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ ซึ่งในอนาคตจะหันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น เพราะแอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะช่วยให้ ผู้บริโภคเข้าใจเรื่องสุขภาพของตัวเองง่ายขึ้น และนำไปสู่การตัดสินใจเลือกปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ท้ายที่สุดแล้วความเจ็บป่วยจะเป็นเรื่องของหมอ แต่เรื่องสุขภาพจะเป็น ของทุกคน" นพ.ชาญวิทย์ กล่าวเน้นย้ำ

          นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นเยาวชนและคนรุ่นใหม่ได้โชว์ศักยภาพสร้างสรรค์นวัตกรรมสุขภาพให้กลายเป็นนวัตกรรมเพื่อสังคมระดับสากล

          โดยผลงานของผู้เข้าแข่งขัน 6 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก รอบสุดท้ายจะได้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น พัฒนาศักยภาพทั้งด้านเทคโนโลยี การออกแบบองค์ความรู้ทางสุขภาพ และการตลาด จากวิทยากรและตัวแทนจากกูเกิ้ล ซัมซุง ฯลฯ เพื่อต่อยอดการทำงาน รวมถึงได้นำเสนอผลงานผ่านทาง App Store ต่อไป และจะประกาศผลการแข่งขันในเดือนมกราคม 2557 สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://hac.in.th

          เชื่อว่า หากโครงการนี้ได้มีการทำกันอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานเกินรอ ประเทศไทยของเราจะก้าวออกไปยืนอยู่แถวหน้าทางด้านเทคโนโลยีไม่แพ้ชาติอื่นใดเช่นกัน