นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ กรุงโตเกียว รายงานถึงตลาดร้านขายปลีกในญี่ปุ่นว่า ได้ปรับตัวตามโครงสร้างประชากรญี่ปุ่นที่มีสัดส่วน ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชากรทุก 4 คน จะมีผู้สูงอายุ 1 คน (เกิน 65 ปี) และคาดว่าในปี 2563 จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุถึงกว่า 29% โดยร้านค้าปลีก ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านอาหารญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้า จึงหันมาจับธุรกิจกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ต้อง แยกทำตลาดให้ชัดเจน
ทั้งนี้ตลาดผู้สูงอายุในญี่ปุ่น เป็นตลาดที่ได้รับการจับตามองอย่างยิ่ง และบริษัทต่างๆได้ขยายบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่า ตลาดสำหรับผู้สูง อายุในญี่ปุ่น จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ตลาดสำหรับผู้ที่ไม่สามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งสินค้าศักยภาพจะเป็นอุปกรณ์สำหรับดูแลผู้สูงอายุ เช่น ผ้าอ้อม รถเข็น เป็นต้น และตลาดสำหรับผู้สูงอายุที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้ ทันสมัย แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสัน และมีความสามารถในการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าเอง ซึ่งจะเป็นตลาดที่ผุ้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาสินค้าและนำมาจำหน่ายได้ ที่สำคัญเป็นจำนวนผู้สูงอายุหลักของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการไทยต้องพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับตลาดผู้สูงอายุญี่ปุ่น โดยหลักในการซื้อสินค้าของชาวญี่ปุ่น แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ดีไซน์ของสินค้า ชาวญี่ปุ่นจะพิจารณาก่อนว่าชอบหรือไม่ชอบสินค้าชิ้นนั้น ซึ่งแบบดีไซน์จะเป็นตัวกำหนดความชอบของชาวญี่ปุ่น และ 2.คุณภาพของสินค้าและความเข้ากันได้กับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นด้วยไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น