เชื่อว่าในปัจจุบัน ปัญหาหนึ่งซึ่งพ่อแม่ ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ที่ห่วงใย คุณภาพชีวิตของเยาวชน ครอบครัวและสังคม น่าจะปวดหัวมากเป็นอันดับต้นๆ นั่นคือปัญหา "พ่อแม่วัยใส" หรือการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งครรภ์ในขณะที่ยังอยู่ในวัยเรียน ทำให้เสียอนาคตที่จะได้ศึกษาต่อในระดับสูง รวมถึงเด็กที่เกิดมามักไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ เท่าที่ควรจะเป็น ล่าสุดถึงขนาด ที่มีการจัดอันดับแล้วพบว่า เด็กไทยท้องก่อนวัยอันควรเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 2 ของโลก
          คำถามคือ..ทั้งที่ปัจจุบัน อุปกรณ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัยมีการแพร่หลายค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับในอดีต แต่เหตุใดอัตราการท้องก่อนวัยอันควร จึงไม่มีทีท่าว่า จะลดต่ำลง ล่าสุดไม่นานนี้ ที่งาน "จิตเวชศิริราช.. ปันความรู้สู่ประชาชน"ที่จัดโดยภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มีการ จัดเสวนาหัวข้อ "วัยรุ่นท้อง..ทำงัยดี" เพื่อหวังให้ผู้ปกครองก็ดี เยาวชนก็ดี มีความรู้ เข้าใจ และใส่ใจเรื่องดังกล่าวมากขึ้น
          "..หมอคะหนูจะทำยังไงดี..คำพูดสุดฮิตของคุณแม่วัยใส ที่มาตรวจแล้วรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ และหลังจากที่เราอบรมคุณธรรมจริยธรรมให้คุณเธอทั้งหลายซาบซึ้งในความเป็นแม่แล้ว ปัญหาต่อไป ก็คือ..หนูไม่รู้ชื่อจริงของพ่อเด็ก..คือมีคุณแม่วัยใสจำนวนไม่น้อยที่ ไม่ทราบว่าสามีของเธอมีชื่อตามบัตรประชาชนว่าอะไร"
          เป็นคำบอกเล่าจาก อ.พญ.สุภิญญา อินอิว อาจารย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ถึงประสบการณ์ที่ได้พบเจอ บรรดาแม่วัยใส หรือก็คือเด็กสาวที่ท้องไม่พร้อม แน่นอนว่า ส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถบอกชื่อ-นามสกุลจริงของฝ่ายชายได้ แต่ไม่ ว่าจะทราบหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ผู้เป็นแม่มีสุขภาพจิตที่ดี เสียก่อน เพราะสุขภาพของแม่จะมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก และสำคัญที่สุด..หากกดดันมากเกินไป แม่วัยใสเหล่านี้อาจหาทางออกด้วยการไปทำแท้งก็เป็นได้
          "..ไม่เป็นไรคะ พี่เข้าใจ ชื่อพ่อไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ค่อยสำคัญ..อย่าไปซักมาก เด็กจะเครียด ความเครียดในระดับที่รุนแรง สามารถส่งผลให้ทารกในครรภ์หยุดการเจริญเติบโตได้ หน้าที่ของเราก็คือค่อยๆ คุยกันกับน้อง ให้คุณแม่วัยทีนยอมฝากครรภ์ แต่น้อยรายที่จะกลับมาฝากครรภ์กับเราตามที่นัดเอาไว้ เมื่อไม่มาฝากครรภ์ปัญหาใหญ่ที่ตามมา คือ ปัญหาการทำแท้ง"
          คุณหมอรายนี้ ยังยกตัวอย่างความเชื่อที่ผิดๆ หลายอย่างที่ วัยรุ่นถ่ายทอดต่อๆ กันมาเกี่ยวกับเรื่องเพศ เช่น ไม่สวมถุงยางอนามัยเพราะกลัวถูกว่าสำส่อน หรือรับประทานยาคุมกำเนิด-ฉีดยาคุมกำเนิด จะทำให้เป็นฝ้า มดลูกแห้ง หรือหลายคนแม้จะรู้วิธีคุมกำเนิด แต่ก็ยังละเลย อีกประการหนึ่ง เนื่องจากวัยรุ่นมักอายว่าตนนั้นตั้งครรภ์ อีกทั้งเวลามาฝากครรภ์ ผู้ใหญ่ที่เจอก็จะมองว่ายังเป็นเด็กแต่ทำไมมาฝากครรภ์ ดังนั้น ครอบครัวต้องถือว่าเป็นหน้าที่หลักที่จะดูแลลูกหลานวัยรุ่นของตนเองอย่างใกล้ชิด ให้เด็กไว้วางใจ เพื่อจะทำให้ตรวจพบสิ่งผิดปกติตั้งแต่เริ่มแรก
          "พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจจิตวิทยาของวัยรุ่น ต้องพัฒนาตนเอง ให้ทันยุคสมัยและสังคมที่เปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยี การใช้ชีวิต และเรื่อง SEX พ่อแม่ควรให้ความรู้กับลูกอย่างใกล้ชิด"พญ.สุภิญญา กล่าว
          ขณะที่ อ.พญ.ภัทรวลัย ตลึงจิตร อาจารย์ภาควิชาสูติศาสตร์- นรีเวชวิทยา ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงผลเสียของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งของแม่และเด็ก เช่น มารดา ที่อายุน้อยกว่า 15 ปี มีโอกาสเสียชีวิตขณะคลอดสูงกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี ถึง 5 เท่า, บุตรที่คลอดจากมารดาวัยรุ่นมักจะเจ็บป่วยบ่อย พัฒนาการล่าช้า และมีโอกาสเสียชีวิตสูง นอกจากนี้ วัยรุ่นตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์สูง ไม่ว่าจะเป็นครรภ์เป็นพิษ รกลอกตัวก่อนกำหนด แท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด หรือทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าปกติ เป็นต้น
          นอกจากเหตุผลทางการแพทย์แล้ว ยังมีเหตุผลทางด้านสังคม เศรษฐกิจ รวมทั้งด้านจิตวิทยา เป็นผลกระทบต่อเนื่อง (Domino Effect) เนื่องจากมารดาต้องหยุดเรียน รายจ่ายในการเลี้ยงดูก็สูงแต่รายรับน้อย ทำให้ครอบครัวยากจนยิ่งขึ้น จากนั้นมารดาก็จะเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล ไปจนถึงการทำแท้งเถื่อน หรือทารกถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ และอาจเติบโตมาเป็นปัญหาของสังคม
          "ฐานะยากจน เล่าเรียนน้อย ดื่มสุรา ติดยาเสพติด ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งเป็นปัจจัยที่แก้ไขได้ยาก ปัจจัยหนึ่งซึ่งน่าจะแก้ไขได้ เป็นปัจจัยที่ทำให้ท้องวัยทีนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ ค่านิยมการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น
          การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมักเป็นการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ส่วนมาก ไม่ได้รับการดูแลครรภ์ที่เหมาะสม ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งต่อทารกและหญิงตั้งครรภ์เอง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องป้องกันและหาทาง แก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งตัว วัยรุ่นเอง ครอบครัว สถานศึกษา บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงาน ของรัฐ และองค์กรเอกชนต่างๆ" พญ.ภัทรวลัย กล่าวทิ้งท้ายปัจจุบันปัญหาเด็กตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การแก้ไขนั้นควร เป็นเรื่องที่ครอบครัวทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ และหาทางออกที่เหมาะสม ทั้งนี้ที่ผ่านมา สังคมมักจะเน้นไป ที่การตำหนิแต่ฝ่ายหญิงเท่านั้น ทั้งที่เวลามีความสัมพันธ์กันแล้ว ฝ่ายชายควรเป็นฝ่ายที่ป้องกันก่อนเสมอ เพราะทำได้ง่ายกว่า เพียงแค่สวมถุงยางอนามัยเท่านั้น ไม่ต้องคำนวณเวลาและเสี่ยงกับผล ข้างเคียงเหมือนการให้ฝ่ายหญิงกินยาคุมกำเนิด
          อนึ่ง..วิธีการแก้ปัญหาแบบไทยๆ เมื่อเกิดการตั้งครรภ์โดย ไม่พึงประสงค์ คือการที่ผู้ใหญ่มักหาทางออกด้วยการจับเด็กที่ตั้งครรภ์ แต่งงานและอยู่กินฉันสามีภรรยากับฝ่ายชาย ที่มักจะเป็นเด็กด้วยกัน ทั้งสองฝ่าย ทั้งที่ในความเป็นจริงการแต่งงานมิได้แก้ไขปัญหา เนื่องจาก เด็กทั้งสองฝ่ายยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสามีภรรยา รวมทั้งการเป็นพ่อแม่คน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นการเพิ่มภาระ ให้กับพ่อแม่ของวัยรุ่นเอง ที่นอกจากจะต้องเลี้ยงลูก (วัยรุ่น) แล้ว ยังจะต้องเลี้ยงหลาน (ลูกของวัยรุ่นท้องไม่พร้อม) อีกด้วย
          เมื่อไม่มีความพร้อม ทั้งทางวุฒิภาวะ และทางด้านเศรษฐกิจ ก็คงยากที่จะเห็นเด็กๆ เหล่านี้ เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมืองได้