|
|
|
ไทยโพสต์ [ วันที่ 09/04/2561 ] |
|
|
|
|
กรมสุขภาพจิตตั้งคลินิกพลังใจพ่อแม่เด็กพิเศษพบเครียดสูงมาก64% |
|
|
|
|
กรมสุขภาพจิต ตั้งคลินิกดูแลสุขภาพจิตผู้ปกครองเด็กพิเศษโดยเฉพาะ 3 โรคที่ ป่วยมากที่สุดคือ ออทิสติก สมาธิ สั้น และสมองพิการ ซึ่งมีปีละกว่า 30,000 คน เผยสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่ สำรวจพบมีความเครียดท้อแท้สูงถึงร้อยละ 64 บางคนสามีห่างเหิน ส่งผลกระทบการดูแลเด็ก เตรียมขยายผลใช้ในโรงพยาบาลจิตเวชทุกแห่ง
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมติดตามผลการดำเนินงานของสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่ ว่า สถาบันพัฒนาการเด็กฯ เป็นศูนย์เชี่ยวชาญระดับประเทศ ดูแลแก้ไขปัญหาเด็กทุกประเภทที่มีปัญหาด้านพัฒนาการ ในปี 2560 มีเด็กเข้ารับบริการทั้งหมด 52,000 คน เฉลี่ยวันละ 300 คน กลุ่มโรคที่พบมากที่สุด คือ ออทิสติก (Autistic) สมาธิสั้น (Attention Deflict Hyperactive Disorder : ADHD) และสมองพิการ (Cerebral palsy) มีผู้ป่วยปีละประมาณ 30,000 คน หรือเกือบร้อยละ 60 ของผู้ป่วยทั้งหมด แนวโน้มผู้ป่วยมากขึ้น ได้ปรับปรุงแผนกผู้ป่วยนอกให้มีสภาพคล้ายกับบ้าน ลดขั้นตอนบริการเพื่อลดแออัด และเพิ่มหอผู้ป่วยพิเศษ เพื่อให้เด็กและผู้ปกครองพักระหว่างฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสุขภาพ กาย ใจ จิตสังคม และสติปัญญา เตรียมพร้อมให้เด็กสามารถใช้ชีวิตประ จำวันหรือเข้าสู่ระบบการศึกษาตามศักยภาพต่อไป
สำหรับเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพ่อแม่ครอบครัว เนื่องจากต้องคอยช่วยเหลือเด็กทุกด้านในชีวิตประจำวันตลอดเวลา จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพจิตสูงกว่าครอบครัวทั่วไป ทั้งภาระการดูแลเด็ก ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการพาเด็กเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล ความไม่เข้าใจกัน ทะเลาะ หย่าร้างกัน หรือมีภาวะซึมเศร้าถึงขั้นฆ่าตัวตายได้ ผลสำรวจของสถาบันพัฒนาการเด็กฯ พบว่าผู้ปกครองเด็กป่วยจิตเวช 3 โรคนี้มีความเครียดสูงถึงร้อยละ 64 เช่น นอนไม่หลับ กังวลใจ และมีปัญหาสุขภาพจิต ร้อยละ 58 เช่น ท้อแท้ ซึมเศร้า เบื่อหน่ายลูก บางรายสามีห่างเหิน บางครอบครัวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว พบมากถึงร้อยละ 22 เป็นต้น ผู้ปกครองที่มีปัญหาสุขภาพจิตจะมีผลต่อการดูแลลูกและประสิทธิภาพการรักษา จึงมี นโยบายให้เปิดคลินิกดูแลสุขภาพจิตผู้ปกครองเด็กพิเศษควบคู่ไปด้วย ซึ่งผลการดำเนินการพบว่าได้ผลดี ช่วยให้ผู้ปกครองคลายความเครียด และส่งผลให้การดูแลเด็กดีขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเด็กโรคสมาธิสั้นมากกว่า 2 ใน 3 มีโอกาสหายขาด หรือมีสมาธิควบคุมตนเองดีขึ้น ได้ให้สถาบันจัดเป็นหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรในเรื่องนี้ เพื่อขยายผลใช้ในโรงพยาบาลจิตเวชทุกแห่ง ซึ่งจะส่งผลให้เด็กป่วยโรคจิตเวชได้รับการดูแลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทางด้านแพทย์หญิงดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเด็กราชนครินทร์กล่าวว่า ในการจัดบริการส่งเสริมดูแลสุข ภาพจิตให้พ่อแม่ครอบครัวของเด็กพิเศษนี้ จะรับผู้ปกครองในรายที่มีปัญหาทางสังคมจิตใจที่คลินิกต่างๆ ไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ หรือในรายที่มีปัญหายุ่งยากซับซ้อน เช่น มีภาวะซึมเศร้าหรือมีความเครียดในระดับรุนแรง มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย เพื่อบำบัดทุกข์เพิ่มความเข้มแข็งทางใจให้ผู้ปกครอง ตลอดจนการให้คุณค่าความสำคัญของตนเองต่อลูก ในภาพรวมนั้นผู้ปกครองเด็กออทิสติก จะมีปัญหาสุขภาพจิตมากกว่าผู้ ปกครองเด็กสมาธิสั้น ปัญหาหลักของผู้ปกครองเด็กออทิสติก คือเครียด เบื่อหน่าย ท้อแท้ที่เด็กไม่พูด พูดไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ทำตามคำสั่งไม่ได้ กรีดร้องเสียงดัง ไม่นิ่ง ขับถ่ายทุกที่ที่อยากถ่าย เด็กทำร้ายตนเอง อาการของลูกไม่ดีขึ้นอย่างที่ต้อง การ สามีห่างเหิน ไม่ช่วยดูแลลูก และเครียดจากรายได้ไม่พอ
ส่วนปัญหาหลักของผู้ปก ครองเด็กโรคสมาธิสั้น คือวิตกกังวลผลการเรียนของลูก เครียดเรื่องเด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว อยู่ไม่นิ่ง ไม่รับผิดชอบ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่อยากไปโรงเรียน และมีปัญหาสัมพันธภาพกับคนอื่น หลังจากที่ผู้ปกครองได้รับบริการดูแลด้านจิตใจแล้ว พบว่าสามารถให้การดูแลการกินยาของเด็กดีขึ้นชัดเจน เด็กกินยาตามแพทย์สั่งได้สูงถึงร้อยละ 100 ส่วนเด็กสมองพิการ สามารถเข้าสู่ระบบโรงเรียนร่วมหรือการศึกษาพิเศษเฉพาะทางร้อยละ 96 จนถึงขณะนี้มีผู้ปกครองได้รับการดูแลแล้ว 300 คน โดยสถาบันจะเผยแพร่วิธีการดูแลสุขภาพจิตผู้ปกครองเด็กพิเศษนี้ ในงานประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติ ซึ่งจะจัดในต้นเดือนสิงหาคม 2561 นี้ด้วย. |
| | |
|
| |