HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ไทยโพสต์ [ วันที่ 26/12/2556 ]
แพทย์ฉุกเฉินรับมือ7วันอันตราย
 สาธารณสุข * สพฉ.เตรียมพร้อมรับมือ 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ แนะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เผยช่วงปีใหม่ไทยตายจากเป็นอุบัติเหตุ 365 ราย เจ็บกว่า 3 พันคน ชี้ 3 ปัจจัยเกิดจากคน-รถ-สภาพถนน
          นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวในงานเสวนา "ลดตาย-ลดเจ็บ" สัญจรปีใหม่อย่างปลอดภัย ด้วยการเรียนรู้เทคนิคช่วยชีวิตฉุกเฉิน" เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ว่า ช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลปีใหม่ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยฉุกเฉินและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นจำนวนมาก โดยจากสถิติปี 2556 พบว่ามีผู้เสียชีวิต 365 ราย บาดเจ็บ 3,329 คน จากการวิเคราะห์พบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ 1.คนขับรถ เร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า หลับใน ไม่สวมหมวกนิรภัย โดยสารท้ายรถกระบะ และการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 2.สภาพรถไม่พร้อมต่อการเดินทาง และ 3.สภาพ ถนนที่มีการเปลี่ยนแปลง ทางโค้ง ทางลาด ทางแยก นอกจากนี้เรายังพบว่าบุคลากรทาง การแพทย์ฉุกเฉินมีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่นๆ ถึง 6 เท่า เนื่องจากต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนมาก และใช้ความเร็วสูงในการขับรถเพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน
          "ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้จึงจำเป็นที่เราจะต้องช่วยกันหาทางออกในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด โดยในส่วนของประชาชนทั่วไปจะต้องขับรถอย่างมีสติ ไม่ดื่มสุรา และใช้ความเร็วในอัตราที่กฎหมายกำหนด หลีกเลี่ยงอุปนิสัยหลักที่คนไทยชอบทำคือ การฝ่าไฟแดง ขับรถย้อนศร ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุได้ และในส่วนของผู้ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อขับรถผ่านทางแยกทางร่วมจะต้องชะลอและใช้ไฟไซเรนช่วย โดยใช้ความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งในส่วนของทีมกู้ชีพและผู้ป่วยฉุกเฉิน ระหว่างการช่วยเหลือควรวางกรวยเบรกทางอย่างน้อย 300 เมตร เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุในเบื้องต้น"
          นพ.อนุชากล่าวว่า สพฉ.ได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขฉุกเฉินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดหมายเลขโทรศัพท์ 1669 ให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในการช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินอีกทางหนึ่งคือ จิตสำนึกของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ที่จะต้องหลีกทางให้ทันทีเมื่อได้ยินเสียงรถพยาบาลฉุกเฉิน โดยหลักของการหลีกทางไม่ว่าจะขับรถอยู่ทางขวาหรือทางซ้าย ควรชิดซ้ายหรือชิดขวาเพื่อเปิดช่องทางให้รถพยาบาลสามารถผ่านไปได้ และเราควรคิดเสมอว่าผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในรถอาจจะเป็นญาติของเรา
          ด้าน นพ.อนุรักษ์ อมรเพชรสถาพร ผอ.สำนักสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) กล่าวว่า บทบาทของ สธฉ.จะทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีการจัดทีมเฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง ส่วนสถานพยาบาลทุกแห่งก็ได้เตรียมการโดยมีการเพิ่มอัตรากำลังคนผู้ปฏิบัติงานทั้งในห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด หอผู้ป่วย มีการสำรองเลือด สำรองยา เพื่อให้การช่วยเหลือในกรณีวิกฤติฉุกเฉินได้ทันการณ์
          ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา ผู้อำนวยการสำนักจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน สพฉ. กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยคือ ต้องตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทาง และจัดหากล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ที่ประกอบด้วย ถุงมือ ผ้าทำแผล ยาล้างแผล พลาสเตอร์เทปปิดแผล กรรไกร ผ้ากอซ เข็มกลัด สำลี ไม้พันสำลี น้ำเกลือหรือน้ำสะอาดสำหรับล้างแผลและยาฉุกเฉิน อาทิ ยาแก้ปวด และผงเกลือแร่ หากเราเป็นผู้ประสบเหตุควรตั้งสติและประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของเหตุการณ์นั้นๆ จากนั้นรีบโทร.แจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ แต่หากผู้ป่วยฉุกเฉินหัวใจหยุดเต้นหรือหยุดหายใจกะทันหัน ผู้ประสบเหตุจะต้องรีบเข้าไปตรวจดูอาการของผู้ป่วยว่ารู้สึกตัวหรือไม่ โดยการใช้มือทั้ง 2 ข้างจับบริเวณไหล่ เขย่าให้แรงพอสมควร พร้อมเรียกผู้ป่วยดังๆ ลองคลำดูชีพจรโดยวัดจากตำแหน่งลูกกระเดือกไปด้านข้างประมาณ 5 เซนติเมตร
          ทั้งนี้ หากผู้ป่วยไม่มีชีพจร ไม่ตอบสนอง ไม่หายใจหรือหายใจเฮือก ในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ควรช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน หรือทำ  CPR ให้กับผู้ป่วยตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยขั้นตอนแรกคือการกดนวดหัวใจ จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นแข็ง โดยผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ทางด้านข้างของผู้ป่วย วางสันมือลงไปตามแนวกึ่งกลางของหน้าอก หรือกึ่งกลางระหว่างหัวนมทั้งสองข้างของผู้ป่วย แล้วนำมืออีกข้างมาประกบ ประสานนิ้วและทำการล็อกนิ้ว กระดกข้อมือขึ้นลง โดยให้สันมือสัมผัสกับหน้าอกเท่านั้น โน้มตัวมาให้แนวแขนตั้งฉากกับหน้าอกของผู้ป่วย แขนตรงและดึง ออกแรงกดลงไปโดยใช้แรงจากหัวไหล่ จุดหมุนอยู่ตรงสะโพก กดให้หน้าอกยุบลงไปอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ให้สันมือสัมผัสกับหน้าอกผู้ป่วยตลอดการนวดหัวใจ สันมือจะต้องไม่หลุดออกจากหน้าอกผู้ป่วยด้วยความเร็ว 100 ครั้งต่อหน้าที หรืออัตราความเร็วตามจังหวัดเพลง "สุขกันเถอะเรา" หรือเพลง "จังหวะหัวใจ".

pageview  1205891    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved