HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ไทยโพสต์ [ วันที่ 02/12/2556 ]
สธ. ชี้ สังคมไทยยังตีตราและกีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์
สธ. เปิดเผยผลดีดีซีโพล (DDC Poll) พบสังคมไทยยังตีตราและกีดกันการให้โอกาสทางสังคมแก่ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์อยู่ในระดับน่าเป็นห่วง ทั้งการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างปกติ การดูและคนในครอบครัว การสมัครเข้าเรียน เข้าทำงานหรือแม้แต่การบวชแนะให้ความรู้ความเข้าใจและเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา พร้อมชูนโยบาย ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา และ 4 มาตรการเพื่อยุติปัญหาเอดส์
          นายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยว่า สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รายงานจำนวนผู้ป่วยเอดส์จากโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ พ.ศ.2527 จนถึงเดือนกันยายน 2555 มียอดผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 276,947 ราย โดยในจำนวนนี้มีร้อยละ 65 อยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 30 - 44 ปี เพศหญิงมีสัดส่วนใกล้เคียงกับชายมากขึ้น สัดส่วน 1.5:1 ส่วนใหญ่อาชีพรับจ้างทั่วไป (ร้อยละ 45.6) มีปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีจากเพศสัมพันธ์ (ร้อยละ 85) และข้อมูลจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีผู้ป่วยที่กินยาต้านไว้รัสเอชไอวี รายใหม่ปีละกว่า 24,000 ราย อีกทั้งยังมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ประมาณ 440,000 รายโดยกระทรวงสาธารณสุขชูนโยบาย ไม่ติด ไม่ตาย ไม่มีตรา พร้อมตั้งเป้าไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ผู้ที่ติดเชื้อแล้วไม่ป่วยไม่ตาย ไม่มีการตีตรากีดกันโอกาสทางสังคมและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
          ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงผลดีดีซีโพล (DDC Poll) ที่ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 2,057 คน จาก 21 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ รวมจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยใช้แบบสอบถาม จำนวน 16 ข้อ ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานสังกัดกรมควบคุมโรค คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ สถาบันการพลศึกษา ในช่วงระหว่างวันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ว่ากลุ่มตัวอย่างเห็นควรให้มีการบังคับตรวจเลือดก่อนสมัครเรียน ร้อยละ 61.9 ก่อนการบวช ร้อยละ 57.7 ก่อนการสมัครเข้าทำงาน ร้อยละ 73.1 กลุ่มตัวอย่างไม่ยินดีที่ว่ายน้ำในสระเดียวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 50.6 ไม่ยินดีใช้ห้องน้ำร่วมกับคนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ ร้อยละ 46.6 ไม่ยินดีที่จะรับประทานอาหารกับเพื่อนสนิทที่ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 27.4 ไม่ยินดีให้ลูกเล่นกับเด็กที่มีเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 42.5 ไม่ยินดีให้ลูกเรียนหนังสือร่วมชั้นกับเด็กที่มีเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 33.3 ไม่ยินดีที่จะอยู่ร่วมบ้านกับคนในครอบครัวที่ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 27.7 และไม่ยิดดีที่จะดูแลคนในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ด้วยตนเอง ร้อยละ 17.5 อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.1 ยินดีจะไปตรวจเลือด หากมีบริการตรวจเลือดฟรีในห้างสรรพสินค้า
          นพ.โสภณ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างอายุ 15-30 ปี รังเกียจผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์มากกว่ากลุ่มอายุอื่นกลุ่มตัวอย่างที่มีการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรีลงมา รังเกียจผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ มากกว่าระดับปริญญาตรีขึ้นไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยยังคงมีการตีตราและกีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์อย่างน่าเป็นห่วง ความกลัวว่าจะติดโรค ความกลัวที่จะเจ็บป่วยและเสียชีวิต และความกลัวที่จะต้องเป็นภาระหรือมีภาระดูแลของประชาชนอาจเป็นสาเหตุหลักของการตีตรานี้ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังต่อไป พร้อมกันนี้กรมควบคุมโรคกำลังดำเนินมาตรการหลัก 4 มาตรการเพื่อยุติปัญหาเอดส์ ได้แก่ 1.ทุกคนเข้าถึงการป้องกันอย่างผสมผสาน 2.รักษาผู้ติดเชื้อทุกคนด้วยยาต้านไวรัสแม้ว่าภูมิต้านทานจะยังไม่ต่ำ 3.ดูแลรักษาต่อเนื่อง และ 4.ปรับภาพลักษณ์ด้านเอดส์เป็นโรคเรื้อรังและอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข
          โรคเอดส์เป็นโรคที่ไม่ติดต่อจากการอยู่ร่วมกัน ว่ายน้ำด้วยกัน รับประทานอาหารร่วมกัน จูงมือถือแขนหรือกอดรัดกัน และเป็นโรคที่ป้องกันได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย  และการให้ยาในหญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อผู้ที่ติดเชื้อและป่วยแล้ว เมื่อได้รับการรักษาสามารถทำงานได้ปกติเหมือนคนทั่วไป หากประชาชนสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

pageview  1205915    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved