HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
ไทยโพสต์ [ วันที่ 21/11/2556 ]
สูดดมควันบุหรี่มากเสี่ยงอายุสั้น 7-10 ปี
 "โรคมะเร็งปอด" ถือเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในโลกและในประเทศไทย โดยตัวการสำคัญอันดับหนึ่งของโรคนี้ก็หนีไม่พ้นการสูบบุหรี่ ซึ่งคนส่วนใหญ่แม้จะรู้โทษภัยของการสูบบุหรี่ว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด ในประเทศไทยก็ยังมีแนวโน้มของการสูบบุหรี่ขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่จัด 1 ซองต่อวัน หรือผู้ที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปมากๆ จะเสี่ยงมีอายุสั้นกว่าคนปกติถึง 7-10 ปี อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้หวัดใหญ่และโรคปอดเรื้อรังอื่นๆ แทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
          ศ.เกียรติคุณ นพ.สว่าง แสงหิรัญวัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์โรคปอด โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดนั้นสามารถพบได้ทั้งชายและหญิง ไม่ว่าจะสูบบุหรี่หรือไม่สูบก็ตาม นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่า มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ได้สูบบุหรี่ และไม่มีประวัติคนในครอบครัวสูบบุหรี่อยู่ด้วย ซึ่งอาจจะได้รับควันบุหรี่จากการเดินผ่าน ซึ่งถือเป็นนักสูบมือ 3 นั่นเอง โดยผู้ป่วยมะเร็งปอดประมาณร้อยละ 85-90 จะมีประวัติสูบบุหรี่ ส่วนหนึ่งของผู้ป่วยจะไม่มีประวัติการสูบบุหรี่เลยโดยเฉพาะที่พบในผู้หญิง การสูบบุหรี่ 1 ซองต่อวัน 30 ปีจะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็ง 20-60 เท่าในผู้ชาย และ 14-20 เท่าในผู้หญิง
          การสูดควันบุหรี่จากบุคคลใกล้ชิดที่สูบก็เพิ่มความเสี่ยง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่สูดเข้าไป โอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งปอดจะลดลงหลังจากการหยุดบุหรี่ การศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า โอกาสเกิดโรคมะเร็งหลังจากหยุดบุหรี่ 5 ปี จะสูงกว่ากลุ่มไม่สูบบุหรี่ 16 เท่า หลังจากนั้นจะลดลงเหลือ 8 เท่าใน 5 ปีต่อมา และลดลงเหลือ 2 เท่าหลังหยุด 30 ปี ในอดีตผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดจะมาพบแพทย์ในระยะสุดท้ายของตัวโรค ซึ่งเป็นช่วงแสดงอาการจากการที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะต่างๆ อาการขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มะเร็งลุกลามไป หากมะเร็งกระจายไปที่สมอง ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่ อาการชัก สับสน เดินเซ มองภาพไม่ชัดหรือเห็นภาพซ้อน เป็นต้น
          "มีผู้ป่วยน้อยรายที่จะมาพบแพทย์ในช่วงระยะเริ่มแรกของโรค เพราะโรคมะเร็งปอดระยะเริ่มแรกผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการใดๆ เลย อาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือจากการทำเอกซเรย์ทรวงอกเนื่องจากอาการของโรคอื่น ก้อนมะเร็งที่ยังมีขนาดเล็กอาจไม่กดเบียดส่วนที่สำคัญจึงไม่ปรากฏอาการจนกว่าก้อนจะมีขนาดใหญ่" ผู้อำนวยการศูนย์โรคปอดกล่าว และว่า หากเป็นมะเร็งในระยะที่ 1-2 ถือเป็นระยะเริ่มแรก การผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี ถ้าผู้ป่วยได้รับการตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ก้อนมีขนาดเล็ก ไม่มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ในผู้ป่วยที่มีสุขภาพพื้นฐานดี ระยะฟื้นตัวหลังผ่าตัดไม่แตกต่างจากการผ่าตัดปอดที่มีสาเหตุมาจากโรคอื่น
          รศ.นพ.ประเสริฐ เลิศสงวนสินชัย แพทย์รังสีรักษา โรงพยาบาลวัฒโนสถ เสริมว่า การรักษามะเร็งปอดปัจจุบันมีการรักษาหลักคือ การผ่าตัด, การฉายรังสี, การใช้เคมีบำบัดและ/หรือยามุ่งเป้า (targeted therapy), การรักษาแบบประคับประคองอาการ การจะเลือกใช้วิธีการรักษาใดนั้นขึ้นกับระยะของโรค สภาพร่างกาย และปัญหาทางอายุรกรรมของผู้ป่วย ส่วนใหญ่การรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดมักจะต้องใช้การรักษาแบบผสมผสานร่วมกันหลายวิธีเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด และผู้ป่วยสามารถอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี
          การใช้รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 1 และระยะที่ 2 การรักษาหลักคือการผ่าตัด แต่สำหรับในผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีภาวะไม่เหมาะสมต่อการทำผ่าตัดจะเลือกใช้การรักษาด้วยรังสีรักษา มะเร็งปอดในระยะที่ 3 ถ้าสามารถผ่าตัดได้จะใช้การผ่าตัด และตามด้วยการให้เคมีบำบัด และ/หรือร่วมกับการฉายรังสี สำหรับผู้ป่วยที่ผ่าตัดไม่ได้จะใช้วิธีการรักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด มะเร็งปอดระยะที่ 4 คือ ระยะที่มีโรคแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นแล้ว การรักษาหลักคือ การใช้เคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้าร่วมกับการรักษาแบบประคับประคอง รังสีรักษาจะมีบทบาทช่วยบรรเทาอาการทุกข์ทรมาน เช่น อาการปวดจากมะเร็งแพร่กระจายไปที่กระดูก เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น
          อย่างไรก็ตาม ศ.เกียรติคุณ นพ.สว่างแนะว่า ปัจจุบันมีวิทยาการอันทันสมัยที่จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น หากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอด อย่ามัวตกใจหรือเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะมีแต่จะซ้ำเติมอาการให้แย่ลง ควรศึกษาหาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสม.

pageview  1205840    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved