เครือข่ายประชาสังคมกว่า 400 องค์กรของอังกฤษ เชิญชวนให้เด็กๆ ได้มีเวลาสักวันละ 30 นาที ละจากหน้าจอโทรทัศน์, หยุดเล่นเกมทางคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนทั้งหลาย แล้วออกไปเล่นนอกบ้าน สัมผัสเรียนรู้จากธรรมชาติกันบ้าง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีร่างกายแข็งแรงขึ้น และเป็นเด็กที่มีชีวิตชีวามากขึ้น

          แอนดี ซิมป์

          สัน ประธานเครือข่าย "the Wild Network" อยากให้เด็กๆ ไปเล่นเกมกลางแจ้งหรือออกไปแคมปิ้งกันบ้าง "ความจริงที่น่าเศร้าก็คือ เด็กๆ สมัยนี้ขาดการสัมผัสกับธรรมชาติและชีวิตกลางแจ้ง พวกเขาใช้ชีวิตนอกบ้านน้อยลง การไปท่องเที่ยวสัมผัสกับธรรมชาติก็ลดลงมาก พวกเขาเรียกชื่อสัตว์ต่างๆ ไม่ค่อยถูกกันแล้ว"

          เมื่อเร็วๆ นี้มีงานวิจัยของ "โรยัล โซไซตี้ ฟอร์ เดอะ โพรเทคชั่น เบิร์ดส์" เผยว่า เด็กอายุระหว่าง 8-12 ปี มีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่เคยมีประสบการณ์สัมผัสกับธรรมชาติ

          ซิมป์สันกล่าวถึงความเป็นห่วงในเรื่องนี้ว่า "เราต้องช่วยกันส่งเสริมให้ในกิจวัตรประจำวันของเด็กๆ ได้มีโอกาสสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น ทุกวันนี้พ่อแม่เป็นห่วงลูกๆ กันมากที่ใช้เวลาอยู่แต่หน้าจอสี่เหลี่ยม ซึ่งผลวิจัยหลายชิ้นต่างระบุตรงกันว่าเป็นผลเสียต่อสุขภาพและความสุขของเด็กๆ ดังนั้นองค์กร

          เครือข่ายของเราต้องทำตนเป็นดังผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสำหรับธรรมชาติ เพื่อให้เด็กๆ ได้เข้ามาสัมผัสกันมากขึ้น อย่างน้อยวันละ 30 นาที ที่จะส่งเสริมให้พวกเขามีกิจกรรมกลางแจ้งกัน จะช่วยในพัฒนาการของเด็ก ความเป็นอิสระและความคิดสร้างสรรค์"

          การรณรงค์ครั้งนี้ผลิตเป็นสารคดีเพื่อออกอากาศทางสื่อต่างๆ ด้วย ชื่อว่า Project Wild Thing กำกับโดย เดวิด บอนด์ ซึ่งเขาเผยว่า "ผมอยากจะเข้าใจว่าทำไมวัยเด็กของลูกผมถึงได้แตกต่างจากตอนที่ผมเป็นเด็ก สาเหตุที่ว่าทำไมเด็กๆ ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชนบทจึงขาดการเชื่อมโยงตัวเองกับธรรมชาติ และชีวิตกลางแจ้งเป็นเรื่องค่อนข้างซับซ้อน สารคดีที่ผมทำขึ้นไม่ใช่เป็นการระลึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์ด้วยสายตาที่พร่าเลือน แต่เราจำเป็นที่จะต้องจัดหาพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อให้เด็กของเราได้สัมผัสกับธรรมชาติในชีวิตประจำวันของเขา เพื่อให้เขาเห็น ได้ยิน และได้กลิ่นของธรรมชาติรอบๆ ตัว จากสวนหน้าบ้าน, พื้นที่สีเขียวในซอยบ้าน หรือในสวนสาธารณะของเมือง".