หลังประสบความสำเร็จจากการพัฒนาเทคนิค และเทคโนโลยีการรักษาผู้ป่วยกระดูกสันหลังหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือระหว่าง รพ.บำรุงราษฎร์ รพ.เซนต์แอนนา และบริษัท ริชาร์ต วูล์ฟ ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ระดับสูงจากประเทศเยอรมนี ซึ่งได้ช่วยเหลือคนไข้ที่ประสบกับความทุกข์ทรมานจากอาการปวดหลังเรื้อรังได้ถึงปีละกว่าพันราย ทั้งยังได้ร่วมผลิตบุคลากรด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลังรุ่นใหม่ผ่านการจัดอบรมการผ่านตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอ็นโดสโคป ในฐานะตัวแทนศูนย์ฝึกอบรมฯแห่งแรกและแห่งเดียวนอกประเทศเยอรมนีเป็นประจำทุกปี ในโอกาสนี้ ทางรพ.บำรุงราษฎร์ และบริษัท ริชาร์ด วูล์ฟ ได้ลงนามความร่วมมือกันอีกครั้งในวันที่ 6 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา
          นพ.วีระพันธ์ ควรทรงธรรม ผอ.สถาบันกระดูกสันหลังบำรุงราษฎร์ ได้กล่าวถึงพันธกิจของความร่วมมือและความก้าวหน้าของสถาบันฯว่า "ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เดินทางมารักษากับทางสถาบันฯเป็นจำนวนมาก เราจึงต้องพัฒนาเทคนิกใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อความหลากหลายในการเลือกวิธีการรักษาอย่างตรงจุด ดังนั้น ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีในแง่ของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ สำหรับการรักษาอาการปวดหลังในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 วิธีการหลักคือ การให้ยาและทำกายภาพบำบัด การฉีดยาเข้าโพรงประสาท และการผ่าตัด การผ่าตัดจะแบ่งออกเป็นสองวิธีคือการผ่าตัดแบบไม่ดามกระดูก และการผ่าตัดแบบที่ต้องตามเชื่อมข้อกระดูก
          สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังรุนแรงและร้าวลงขาจากกระดูกที่เคลื่อนและเกิดการกดทับเส้นประสาทซึ่งคิดเป็น 90% ของผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดเชื่อข้อกระดูก แพทย์ไม่สามารถใช้ 3 วิธีที่กล่าวมาได้เนื่องจากแพทย์ไม่สามารถใช้ 3 วิธีที่กล่าวมาได้ เนื่องจากแพทย์จะมองไม่เห็นกลุ่มเส้นประสาทที่อยู่ทางด้านหลัง การรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องใช้วิธีการผ่าตัดเปิดจากทางด้านหลัง ได้แก่วิธี TLIF (Transforaminal Lumbar Interbody Fusion) และ PLF (Posterior Lumbar Interbody Fusion) ซึ่งในปัจจุบัน รพ.บำรุงราษฎร์ ได้พัฒนาเทคนิคการผ่าตัดด้วยวิธี TLIF จนสามารถผ่าตัดด้วยกล้องจุลทรรศน์ผ่านอุโมงค์ขนาดเล็กเพื่อดามเหล็กผ่านผิวหนังโดยไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งไม่ต้องเปิดแผลใหญ่เพื่อแหวกเส้นประสาทเข้าไปดามเหล็ก เนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงจึงได้รับความบอบช้ำน้อย ทั้งยังสามารถขยายช่องห่างระหว่างกระดูกและเส้นประสาทได้กว้างพอ ผู้ป่วยยังลดอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัด และฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งทางสถาบันฯทำการรักษาผู้ป่วยโดยวิธีนี้สำเร็จไปแล้วกว่า 100 ราย