แพทย์เตือนโหมลดน้ำหนักอาจทำให้สมองเสื่อม เลือดเป็นกรดและอีกสารพัดอาการ
          ไทยโพสต์ * แพทย์เตือน โหมเผาผลาญไขมันอาจทำให้สมองเสื่อม-เลือดเป็นกรด-เหนื่อยแน่นหน้าอก-ลมหายใจมีกลิ่น-นิ่วในถุงน้ำดี แนะควรลดน้ำหนักไม่เกิน 2 กก.ต่อเดือน ระบุวิตามินลดความอ้วน แอลคาเนทีน เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
          นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เปิดเผยถึงการลดความอ้วนอย่างปลอดภัยว่า ต้องยอมเหนื่อยในการควบคุมอาหารอย่างพอเหมาะ เหนื่อยในการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะและถูกวิธี แต่ไม่ควรใช้วิธีการลัด เช่น การใช้ยา เพราะยาลดความอ้วนทุกชนิดจะทำให้กลับมาอ้วนอีก แม้จะเป็นยาสมุนไพรก็ตาม กระทั่งการฉีดสารสลายไขมันเฉพาะส่วน การใช้ความร้อน-ความเย็นสลายไขมัน ซึ่งจะถูกขับออกได้อย่างรวดเร็วนั้น ไม่นานไขมันก็จะสร้างตัวขึ้นมาใหม่
          เขากล่าวว่า วิธีการลดน้ำหนักบางอย่างเป็นการสร้างมฤตยู ทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ยาลดความอ้วนมีผลต่อสมอง ซึ่งจะมีสารไปกดต่อมหิวในสมองทำให้ไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่กระบวนการทำงานของร่างกายยังต้องการพลังงานอยู่ ทำให้กระบวนการผลิตน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ หรืออินซูลินผิดปกติ ก่อให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดผิดปกติตาม หรือภาวะดื้อต่ออินซูลิน แทนที่จะทำให้ผอม แต่กลับทำให้อ้วนลงพุง หรือเมตาโบลิกซินโดรม
          โดยปกติร่างกายคนเราจะดึงพลังงานจาก 3 แหล่งมาใช้ตามลำดับคือ 1.น้ำตาล 2.ไขมัน และ 3.โปรตีน แต่ในกรณีที่ร่างกายดึงเอาไขมันมาใช้นั้น เราต้องแลกกับการที่ได้พลังงานจริงๆ กับสารพิษที่มาจากการละลายของไขมัน คือสารคีโตน ซึ่งจะทำให้เกิดพิษต่อระบบในร่างกาย ทำ ให้สมองเสื่อมได้ เลือดเป็นกรด เหนื่อย หายใจไม่ทัน รู้สึกไม่สบายตัว แน่นหน้าอก บางคนลมหายใจมีกลิ่น บางครั้งปัสสาวะมีคีโตนหลุดออกมา และเสี่ยงเป็นนิ่วในถุงน้ำดี (Gall stone) มากขึ้นด้วย เพราะไขมันที่ถูกลดลงอย่างรวดเร็วจะไปเกาะที่ตับ แล้วจับตัวแข็งเป็นก้อนนิ่ว นอกจากนั้นยังเกิดผลกระทบตัวเหี่ยว หนังย้อย คอลลาเจนเหลือน้อย ดูแก่เร็วกว่าปกติ
          เพราะฉะนั้นหากยิ่งอ้วนมากและหักโหมลดน้ำหนัก เร่งเผาผลาญไขมันเร็วเกินไป จะยิ่งมีสารคีโตนสะสมในร่างกายมาก ดังนั้นแพทย์จึงไม่อยากให้คนอ้วนลดน้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัมใน 1 เดือน เพราะจะก่อให้เกิดโรคลดความอ้วน โดยโรคดังกล่าวจะมีอาการหลายอย่าง เช่น 1.น้ำหนักลด ลงอย่างผิดปกติ คือลดมากกว่า 2 กก.ใน 1 เดือน 2.ลดน้ำหนักจนป่วย อาจจะมีไข้ เป็นหวัด หรือท้องเสีย จากเดิมเคยเป็นคนแข็งแรง 3.หงุดหงิด ทำงานไม่ได้ นอนไม่หลับ คนไข้บางคนใจสั่นอยาก จะเป็นลม แต่ยังอยากจะลดน้ำหนักต่อไป เรียกว่าเป็นโรคลดความอ้วน ซึ่งจากการสถิติการตรวจคนไข้พบว่ามีคนไข้ที่เป็นโรคลดความอ้วนเยอะ แต่ที่ประเทศไทยไม่มีการบันทึกสถิติเอาไว้
          นพ.กฤษดากล่าวว่า วิตามินลดความอ้วน แอลคาเนทีน หลายคนกินเพื่อใช้เบิร์น นักกล้ามกินเพื่อเบิร์น เพื่อจะได้มีกล้ามปู แต่มีงานวิจัยล่าสุดพบว่าไม่ได้ลดความอ้วน กลับมีผลข้างเคียง ซึ่งพบว่ามีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ ปัจจุบันมีเครื่องดื่มลดความอ้วนในทางลัดออกมาวางขายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ยา หรือเครื่องดื่มที่บอกว่าดื่มแล้วสวย ดื่มแล้วเพรียว ต้องบอกว่ากินใยอาหารไปเป็นหมื่น แต่ไม่ออกกำลังกายก็ไม่ลด.