HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 27/02/2560 ]
สตง.บี้ของบไปนอก หน่วยงานอิสระดูงาน ที่แท้แค่ถ่ายรูปคู่ป้าย

     “พรเพชร” ป้องอีก 7 สนช. แจงยิบขั้นตอนลงมติ สนช.ยันไม่มีใครลาเกินโควตา เพิ่งตื่นตัวจี้สมาชิก สนช.มีสำนึกรับผิดชอบ “ศรีสุวรรณ” ได้ฤกษ์ยื่น ป.ป.ช.สอบ 7 สนช.นักโดดร่ม 1 มี.ค. พร้อมฟาดชิ่งไปถึง “พรเพชร” ข้อหาไฟเขียวให้ สนช.ลากันเถิดเทิง สตง.เดินเครื่องตรวจสอบงบดูงานต่างประเทศ หลังพบ ม.ราชภัฏเชียงใหม่ แปรรูปไปเที่ยวกันบานฉ่ำ เล็งทะลวงทุกหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ มหาวิทยาลัย องค์กรปกครองท้องถิ่น ที่ใช้เงินแผ่นดิน กกต.เต้นแจงใช้งบคุ้มค่า มีหลักเกณฑ์ตรวจสอบได้ เช็กยิบทั้งก่อนไปและหลังกลับ ยันไม่มีถลุงงบไปเที่ยวเตร่ “เรืองไกร” เตรียมร้องนายกฯปลด 2 รมต.เป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่ดินเขาใหญ่ “วัฒนา” แฉโดนทหารเรียกตัวอีกแล้ว คาดปมแสดงความเห็นทางการเมือง ด้าน “อภิสิทธิ์” ติงใช้มาตรา 44 เป็นยาสารพัดนึกทำระบบ ก.ม.รวนไปถึงอนาคต
          ยังเป็นประเด็นทุ่มเถียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 7 คน ที่มีการเปิดเผยโดยโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ว่า การทำงานบกพร่อง ขาดการลงมติจำนวนมาก กระนั้นทาง สนช.เองออกมายืนยันในเบื้องต้นว่าไม่ร้ายแรงถึงขั้นขาดสมาชิกภาพนั้น
          “พรเพชร” แจงขั้นตอนลงมติ สนช.
          เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนลงมติการประชุมของสมาชิก สนช.ว่า การเข้าประชุมของ สนช.ต้องทำตามข้อบังคับการประชุม สนช. โดยจะนับวันประชุมเป็นหลัก สมาชิกต้องมาประชุมเกินกึ่งหนึ่งในแต่ละเดือน เช่น 1 เดือนประชุม 10 ครั้ง สมาชิกขาดประชุมได้ไม่ถึง 5 ครั้ง หากขาดประชุม 5 ครั้ง จะไม่ได้เงินประจำตำแหน่ง เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม สมาชิกอาจจะไม่สบายเจ็บป่วยบ้าง แต่ไม่มาก ส่วนการลงมติต้องทำตามข้อบังคับการประชุมที่กำหนดว่า ในรอบ 90 วัน สมาชิกต้องลงมติอย่างน้อย 1 ใน 3 ถ้าลงมติไม่ถึง เป็นอันต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขาดสมาชิกภาพ แต่มีข้อยกเว้นหากสมาชิกลาถูกต้อง และได้รับอนุญาตจากประธาน สนช.ก็ไม่มีปัญหา
          ป้องไม่มีคนขาดประชุมถึง 60 วัน
          นายพรเพชรกล่าวว่า ส่วนการลาหากไปปฏิบัติราชการก็ไม่เป็นปัญหา การที่ตนอนุญาตให้ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นการลาทั้งวันหรือช่วงเวลา ประธานก็ไม่รู้ว่าแต่ละวันจะมีการลงมติกี่ครั้ง เพราะในการประชุมสภา บางวันก็ไม่มีการลงมติ บางวันมีการลงมติมาก เช่น วันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการลงมติ 11 ครั้ง แต่วันที่ 24 กพ.ไม่มีการลงมติเลย ดังนั้นสมาชิกติดภารกิจท่านหนึ่งก็ลาเฉพาะวันศุกร์เพราะรู้ว่าไม่มีการลงมติ เนื่องจากการประชุมในวันศุกร์จะไม่มีวาระเกี่ยวกับการพิจารณากฎหมาย ทุกคนจะรู้ว่าตัวเองลาประชุมแล้วจะกระทบการลงมติหรือไม่ ยืนยันไม่มีสมาชิกคนใดลาถึง 60 วัน แต่มีการลาประชุมในลักษณะแบบลาครึ่งวัน หรือขอลาประชุมเพียง 1 ชั่วโมง ตนจะบอกสมาชิกเกือบทุกครั้งว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆอย่าลาประชุม
          กระทุ้งจิตสำนึกให้รู้จักบริหารเวลา
          นายพรเพชรกล่าวว่า ส่วน สนช. 7 คน ที่ไอลอว์ระบุว่าขาดการลงมติเกินข้อบังคับที่กำหนดนั้น ได้ให้คณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบแล้ว คงต้องรอผลก่อน การลาประชุมของสมาชิกแต่ละคน ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช. จะเป็นผู้ส่งสถิติการลาให้สมาชิกแต่ละคนว่ามาประชุมกี่ครั้ง และลากี่ครั้ง สถิติการลาหรือขาดประชุมนั้นจะมีการรวบรวมเป็นปี เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีก นายพรเพชรตอบว่า ขอร้องให้สมาชิก สนช.ทุกคนให้ความสำคัญว่า ในรอบต่อๆไปให้มาประชุมอย่างพร้อมเพรียง หรือจำนวน 1 ใน 3 โดยไม่ต้องลา อยากให้ท่านได้ตรวจตราอย่างละเอียด จะไปไหนต้องไม่กระทบ ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน ขอให้ช่วยกันดีกว่า เชื่อว่าทุกคนบริหารเวลาตนเองได้
          มั่นใจลากคนผิดงาบสินบนซีซีทีวี
          นายพรเพชรยังกล่าวถึงผลสอบกรณีสินบนโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดซีซีทีวีในรัฐสภาปี 2549 ที่ส่อเค้าทุจริตว่า ต้องให้เครดิต พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่ตรวจสอบแล้วมีข้อสงสัย มีเงื่อนงำว่า มีการทุจริตโครงการดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะเรื่องดังกล่าวผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว เท่าที่ทราบคณะกรรมการฯกำลังขอข้อมูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อจะได้ชี้ตัวคนกระทำความผิด หากผลสอบสรุปพบว่าเป็นใคร ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะนี้ผลสอบเบื้องต้นเป็นเพียงข้อสงสัย น่าเชื่อได้ว่ามีความไม่ชอบพามากลในโครงการดังกล่าว เพราะเกี่ยวกับบริษัทไทยโก้ ไฟร์ ซีเคียวริตี้ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนตัวมั่นใจฝีมือ พล.อ.อ.วีรวิทจะหาคนผิดมาลงโทษได้
          ป.ป.ช.อังกฤษระแวงไม่ส่งข้อมูล
          ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการประสานข้อมูล ป.ป.ช.อังกฤษ เพื่อขอข้อมูลการจ่ายสินบนจัดซื้อเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐไทยว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.อังกฤษ และกระทรวงยุติธรรม สหรัฐอเมริกายังไม่ได้ส่งข้อมูลอะไรให้ ป.ป.ช. ยิ่งพอ ป.ป.ช.อังกฤษทราบว่า ป.ป.ช.จัดตั้งคณะกรรมการประสานและเร่งรัดการดำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ ที่มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่บูรณาการข้อมูลคดีทุจริตระหว่างประเทศร่วมกันระหว่างหน่วยงาน อาทิ ป.ป.ช. อัยการ ปปง. สตง. กระทรวงยุติธรรม ทำให้ ป.ป.ช.อังกฤษส่งอีเมลมาแสดงความเป็นห่วงว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะไปเปิดเผยข้อมูล ข้อเท็จจริงที่จะส่งมาให้หรือไม่ ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการประสานและเร่งรัดการดำเนินคดีทุจริตระหว่างประเทศ นัดแรกวันที่ 27 ก.พ.นี้ นอกจากจะวางแนวทางการทำงานบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ แล้วคงจะต้องหารือในประเด็นที่ ป.ป.ช.อังกฤษให้ความเป็นห่วงควบคู่ไปด้วย เพราะการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ครอบคลุมคดีระหว่างประเทศที่มีอยู่เกือบ 20 คดี เป็นการพูดคุยภาพรวมแต่ละคดี เพื่อวางแนวทางทำงาน ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะคดีสินบนโรลส์–รอยซ์เพียงคดีเดียว
          “ศรีสุวรรณ” ยื่น ป.ป.ช.1 มี.ค.ฟัน 7สนช.
          นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่จะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ตรวจสอบสมาชิก สนช. 7 คน สืบเนื่องจากการขาดลงมติไม่ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งยื่นตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ที่เอื้อประโยชน์การลาแก่ สนช.ทั้ง 7 คน ว่าจะไปยื่นเอาผิด สนช.7 คน นายพรเพชร รวมถึงนางวรารัตน์ อติแพทย์ เลขาธิการสำนักงานวุฒิสภา ในวันที่ 1 มี.ค. เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี เพราะขณะนี้มีความชัดเจนว่า มีความพยายามช่วยเหลือ สนช.เรื่องการขาดประชุม ไม่มาแสดงตัวลงมติ แม้จะอ้างว่ามีการส่งใบลา แต่ถึงวันนี้ไม่มีการพิสูจน์ชัดเจนว่าใบลาเหล่านั้นทำย้อนหลังหรือไม่ จึงต้องตรวจสอบเอกสารว่าเป็นใบลาจริงหรือใบลาย้อนหลัง เพราะการยื่นใบลาแต่ละครั้ง ต้องลงเลขรับในแต่ละวันด้วย มีเลขรับตามลำดับเอกสาร จึงต้องนำมายืนยันให้สอดคล้องกัน ไม่ใช่ว่ามีใบลาแล้วใช้ได้ ต้องตรวจสอบเชิงลึกกันต่อไป เหตุใดประธาน สนช.ไม่ตะขิดตะขวงใจ หรือเรียก สนช.เหล่านั้นมาสอบถาม หรือตำหนิว่าทำไมลามากเหลือเกิน เพราะเกี่ยวพันกับงบประมาณเงินภาษีประชาชน เมื่อทำงานไม่คุ้มหน้าที่ ในฐานะประธาน สนช.ต้องบอกกล่าวบุคคลเหล่านั้นให้พิจารณาตัวเองออกไปได้แล้ว แต่ประธาน สนช.ไม่ทำถือว่าเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่
          สตง.ลุยสอบงบดูงาน ตปท.มิชอบ
          นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มีมติเอาผิดอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กรณีจัดโครงการศึกษาดูงานต่างประเทศว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ สตง.เข้าไปตรวจสอบการไปดูงานของมหาวิทยาลัยดังกล่าวพบว่าเป็นการไปดูงานที่มหาวิทยาลัยเสฉวน ประเทศจีนเพียงที่เดียว ส่วนที่ไปประเทศเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส เป็นการไปเที่ยว ไม่ได้ไปดูงานตามโครงการที่ระบุไว้ เมื่อส่งเรื่องให้ คตง.วินิจฉัยก็มีมติว่าเป็นการใช้งบโดยมิชอบ จึงให้ สตง.ไปตรวจสอบความผิดทางอาญาเพิ่มเติม และจากข้อมูลผู้บริหารมหาวิทยาลัยดังกล่าวก็มีความคุ้นเคยกับผู้จัดโปรแกรมทัวร์ ไม่ทำตามระเบียบเงินราชการ เรื่องนี้จะเสนอให้ คตง.วินิจฉัยจนถึงที่สุด
          ทะลวงไส้องค์กรอิสระ-รสก.-อปท.
          นายพิศิษฐ์กล่าวว่า คตง.ได้ให้นโยบายให้เข้าไปตรวจสอบการศึกษาดูงานขององค์กรอิสระ มหาวิทยาลัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ ว่าการเดินทางไปศึกษาดูงานในขณะนี้เป็นการใช้งบประมาณเพื่อดูงานอย่างคุ้มค่าจริงหรือไม่ ไม่ใช่ไปเพียงถ่ายรูปกับป้ายเท่านั้น เพราะถือว่าทุกหน่วยงานใช้เงินของแผ่นดิน เราต้องตรวจสอบการใช้จ่ายงบของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ส่วนหน่วยงานราชการในขณะนี้ไม่มีการไปศึกษาดูงานต่างประเทศ เพราะมีมติคณะรัฐมนตรีเข้มงวดในเรื่องนี้อยู่
          กกต.ยันมีหลักการรัดกุมดูงาน ตปท.
          พล.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กกต.กล่าวถึงกรณีที่ สตง.อยู่ระหว่างการตรวจสอบการใช้งบประมาณเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศของ กกต.ว่า เท่าที่ทราบยังไม่มีการติติงเรื่องการใช้งบประมาณดูงานต่างประเทศของ กกต. โดย กกต.มีหลักการเกี่ยวกับการเดินทางไปต่างประเทศอยู่แล้วว่าต้องมีเหตุผล ความจำเป็น และเกิดประโยชน์ต่อสำนักงาน กกต. อีกทั้งการจะไปดูงานต่างประเทศทุกครั้งต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อขออนุมัติ และหลังจากเดินทางกลับมาแล้วต้องมารายงานต่อที่ประชุม กกต.ทุกครั้งด้วย
          รับประกันไม่ผลาญงบไปเที่ยวเตร่
          พล.ต.ท.จรุงวิทย์กล่าวว่า ส่วนหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงหรือ พตส.ที่ กกต.เปิดดำเนินการอยู่มีวัตถุประสงค์หลักเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การดูงานจึงต้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยตรง ปีที่แล้วตรงกับการดูงานเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มีโอกาสเข้าไปดูงานที่พรรคเดโมแครตด้วย สิ่งที่ได้คือพานักศึกษาไปดูเรื่องเลือกตั้ง ดูการจัดการบริหารของพรรคการเมืองว่ามีการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองนั้นๆ อย่างไร อีกทั้งยังได้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย กกต.กำชับให้ใช้เงินอย่างประหยัด นอกลู่นอกทางไม่ได้ จึงรับประกันได้ว่าไม่มีการอ้างเรื่องการศึกษาดูงานเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะตระหนักดีว่าต้องใช้จ่ายงบประมาณโดยยึดหลักวินัยการเงินการคลัง จะใช้อย่างไม่ถูกต้องไม่ได้ เพราะเป็นเงินจากภาษีของประชาชน
          “เรืองไกร” จ่อร้องนายกฯ ปลด 2 รมต.
          นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวอิศราเปิดเผยข้อมูลรัฐมนตรี 2 คนคือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เป็นหุ้นส่วนในการทำธุรกิจที่ดินเขาใหญ่ว่า เท่าที่ติดตามยังไม่พบว่ามีใครมองเห็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 ไม่น่าเชื่อว่าทีมกฎหมายของรัฐบาลจะมองไม่เห็นเรื่องนี้ ในกฎหมายดังกล่าวห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนและห้ามเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท หลายฝ่ายจะมองเฉพาะการเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเกิน 5% เท่านั้น แต่กรณีของรัฐมนตรีทั้ง 2 มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวห้ามไว้ เมื่อดูหลักฐานที่ทั้ง 2 คนแจ้งต่อ ป.ป.ช. ว่ามีการทำสัญญาลงทุนทำธุรกิจที่ดินที่เขาใหญ่เพื่อแบ่งผลกำไร โดยนายอุตตมลงทุน 5 ล้านบาท นายสนธิรัตน์ลงทุน 20 ล้านบาท จากเงินลงทุนของหุ้นส่วนทั้งหมด 100 ล้านบาท เป็นการลงทุนเพื่อแบ่งกำไรเข้าลักษณะการเป็นห้างหุ้นส่วน สามัญ ชัดเจนว่าทั้ง 2 คนฝ่าฝืนกฎหมายจึงต้อง
          มีผลตามมา คือ ควรลาออกจากตำแหน่ง หรือนายกฯ ต้องปรับออกจากตำแหน่ง เมื่อยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงต้องแจ้งให้นายกฯพิจารณาปรับทั้ง 2 ออกจากตำแหน่ง โดยจะไปยื่นหนังสือต่อนายกฯในวันที่ 27 ก.พ. เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล
          เตือนเคลิ้มโพลใช้ ม.44 เติมไฟขัดแย้ง
          นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นับวันเริ่มปรากฏให้เห็นชัดว่า การใช้กฎหมายขององค์กรต่างๆช่วงรัฐบาล คสช.ไม่มีความเป็นธรรม มีผู้ใหญ่หลายคนเตือนด้วยความหวังดีว่าการใช้กฎหมายกับฝ่ายหนึ่ง แต่ไม่ใช้กฎหมายกับฝ่ายที่เป็นพวกเดียวกันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เลือกปฏิบัติ เชื่อว่าในที่สุดสังคมจะหมดความอดทน จะเป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้งอีกในอนาคต ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนที่จะพูดขอให้ใช้สติ อย่าใช้อารมณ์ สังคมไทยควรเลิกกล่าวร้ายกันได้แล้ว ส่วนกรณีการใช้มาตรา 44 ที่โพลระบุว่านิยมชมชอบกับรัฐบาลนั้น ต้องถามว่านายกฯเชื่อถือผลสำรวจคนแค่พันกว่าคนเท่านั้นหรือ ขอให้ระวังผลโพลของพวกชอบเอาใจนาย พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งมาเกือบ 3 ปี ยังไม่รู้สึกหรือทราบว่าต่างชาติคิดอย่างไรกับรัฐบาลทหาร ทำไมมิตรประเทศในระบอบประชาธิปไตยจึงไม่เชิญรัฐบาล คสช. ไปเยือนอย่างเป็นทางการเหมือนรัฐบาลเลือกตั้งของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์
          “วัฒนา” แฉถูกเรียกเข้าค่ายทหารอีก
          วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “วานนี้ (25 ก.พ.) ได้รับการติดต่อจากผู้บังคับกองพันท่านหนึ่งของกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ แจ้งว่าผู้บังคับบัญชาอยากพบเพื่อขอข้อมูลบางประการ ขอเชิญไปพบในวันเวลาที่สะดวก เห็นว่าเป็นการเชิญมาอย่างสุภาพ จึงตอบรับไปที่กองทัพภาคที่ 1 ในวันที่ 27 ก.พ. เวลา 10.00 น. หลายคนเมื่อทราบข่าวแสดงความเป็นห่วง บางคนคาดเดาว่าคงเป็นเพราะผมแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ขอให้นำยาที่ต้องกิน ประจำติดตัวไปด้วยเผื่อต้องอยู่ยาว ผมตอบไปว่าการแสดงความคิดเห็นเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น คสช. หรือใครไม่มีอำนาจมาควบคุมตัว การขอข้อมูลคงไม่ใช้เวลานานนัก เสร็จเมื่อไรจะขอกลับ เพราะยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมาก แล้วจะเล่าให้ทุกท่านฟัง ท่ามกลางข่าวร้ายยังมีข่าวดี คดีที่ถูก คสช. ส่งทหารมาอุ้มไปควบคุมตัวและฟ้องศาลเพราะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ บัดนี้คดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าสิทธิและเสรีภาพจะได้มาจากการต่อสู้เท่านั้น เผด็จการไม่เคยเมตตาหยิบยื่นให้ทั้งที่เป็นของประชาชนมาแต่แรก”
          “อภิสิทธิ์” รับตำแหน่งประธาน CALD
          ที่โรงแรมโนโวเทล เพลินจิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาเสรีนิยมและประชาธิปไตยแห่งเอเชีย (Council of Asian Liberals and Democrats) หรือ CALD ว่าสภา เสรีนิยมและประชาธิปไตยแห่งเอเชียได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริหาร และหารือเกี่ยวกับแถลงการณ์ขององค์กร Liberal International ระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ.2560 ซึ่งตนได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งประธาน CALD โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี ทั้งนี้ที่ประชุมประกอบด้วยผู้แทนจากพรรคการเมืองแนวทางเสรีนิยมประชา– ธิปไตยจาก 10 ประเทศในเอเชีย ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองของทั้งในและนอกภูมิภาค
          แจงไทยจะเลือกตั้ง 1 ปีหลังมี รธน.
          นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเทศสมาชิกมีความเป็นห่วงเรื่องการถดถอยของประชาธิปไตยในเอเชีย โดยจะทำการแก้ไขปรับปรุงคำประกาศอุดมการณ์พรรคการเมืองแนวทางเสรีประชาธิปไตย ภายในเดือน พ.ค. นี้ และประกาศอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ที่ยุโรป เพื่อแสดงจุดยืนพรรคการเมืองแนวทางเสรีนิยมประชาธิปไตย ที่จะมุ่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งการรักษาแนวทางเสรีนิยมประชาธิปไตยภายใต้กระแสการคุกคามประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้สอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ตนได้ชี้แจงว่าหากเป็นไปตามโรดแม็ปที่รัฐบาลวางไว้ ไทยอาจมีการเลือกตั้งภายใน 1 ปี หลังจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้
          ติงระดมใช้ ม.44 ทำระบบ ก.ม.รวน
          นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการใช้มาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.ว่า ในระยะหลังที่ผ่านมา คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้นำมาตรา 44 มาใช้เพื่อแก้ปัญหาในหลายเรื่อง ทั้งการทุจริต การเมือง การแต่งตั้งโยกย้าย ล่าสุด คือการประกาศให้บริเวณรอบวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ตนเป็นห่วงว่าการที่รัฐบาลใช้อำนาจ กฎหมายพิเศษอาจทำให้ในอนาคตรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องประสบปัญหาการบริหารจัดการเพราะมีอำนาจที่แตกต่างจากรัฐบาล คสช.
          ปชป.หนุนรัฐสังคายนาจัดซื้อจัดจ้าง
          นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เรื่องการปรับปรุงการ บริหารงานและเรื่องกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐในระยะอีก 2 ปีข้างหน้าให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อจัดจ้างของ รฟท. ที่มีงบประมาณในการลงทุนมากถึง 90% ของงบลงทุนทั้งประเทศว่า เป็นเรื่องดีที่รีบเข้ามาตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนที่จะมีการหาประโยชน์มิชอบจากโครงการต่างๆ จำนวนมาก ผู้มีอำนาจคงได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากล และเล็งเห็นว่าถ้าขืนปล่อยให้สภาพการณ์เดิมๆอยู่ต่อไปอาจก่อให้เกิดการทุจริตขึ้นได้ ขอฝากให้ผู้มีอำนาจป้องกันการทุจริตผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ด้วยการสังคายนาป้องกันการทุจริตผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแบบครบวงจร ล้างรื้อระบบอย่างจริงจัง ไม่ให้ฝ่ายการเมืองหรือผู้มีอำนาจจับมือกับข้าราชการและนักธุรกิจ ร่วมมือกันใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล
          ยื่น ป.ป.ช.สอบ กกท.–ทางหลวง
          เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า มีการโอนงบจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ให้กรมทางหลวง เพื่อจัดสร้างสนามกีฬา 7 แห่ง และสนามกอล์ฟ 1 แห่ง เป็นเงินรวม 1,270 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องแปลกที่ให้กรมทางหลวงดำเนินการให้ทั้งที่ไม่ใช่งานหลักของกรมทางหลวง จึงเชื่อว่าผิดปกติ เพราะที่ผ่านมา มีการเบิกงบตั้งแต่เมื่อ 31 ธ.ค.59 แต่ตอนนี้ยังไม่เสร็จสักแห่งเดียว และเป็นที่น่าสังเกตว่า มีการมอบหมายให้ศูนย์สร้างทางที่ จ.ลำปาง ไปสร้างสนามกีฬาถึง 4 ใน 7 แห่ง ทั้งที่พื้นที่นั้นๆก็มีศูนย์สร้างทางอยู่แล้ว จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่ามีการกินเปอร์เซ็นต์กันหรือไม่ ส่วนสนามกอล์ฟจำเป็นต้องมีงบดูแลเดือนละ 1.5 ล้านบาท เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ จึงอยากให้อธิบดีกรมทางหลวงชี้แจงให้ถูกต้อง โดยในวันที่ 1 มี.ค.นี้จะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ กกท. กรมทางหลวงและผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งจะไปร้องกรมป่าไม้ด้วยว่าการตัดไม้สร้างสนามกอล์ฟ มีการตัดไม้ต้องห้ามหรือไม่ อย่างไร
          กัดไม่ปล่อย กปภ.ปมขยายส่งน้ำ
          นายวิลาศกล่าวว่า ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ จะไปยื่น ป.ป.ช. เอาผิดนายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และผู้อำนวยการการประปาภูมิภาค (กปภ.) เขต 8 ที่ออกมาแถลงโกหกอย่างรุนแรงว่า กรณีโครงการขยายเครือข่ายประปาใน อ.กันทรลักษ์ และ อ.กันทรารมย์ ใน จ.ศรีสะเกษงบประมาณ 100 กว่าล้านบาท ว่า เป็นโครงการที่ใช้งานได้ เพราะจากการที่ตนลงไปตรวจสอบในพื้นที่พบความผิดปกติหลายอย่าง โครงการนี้มีการตรวจรับงานตั้งแต่ 28 ก.ย.59 แต่ถึงวันนี้ก็ยังใช้งานไม่ได้ ทราบว่าทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ลงไปตรวจสอบและเก็บหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว การออกมาโกหกของผู้อำนวยการ กปภ.เขต 8 ต้องไล่ออกราชการสถานเดียว และทั้งๆที่มีหลักฐาน แต่นายเสรีกลับปกป้อง ตนจึงต้องร้องนายเสรีไปด้วย เพราะถือว่า เต็มใจให้เขาหลอก สิ่งที่ตนออกมาพูดก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ หากใครเห็นว่าตนพูดไม่จริง ก็ขอให้ฟ้องกลับตนได้เลย
          โพลชี้ซ้ำอีกนายกฯทำงานดี
          วันเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “2 ปี 6 เดือน ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” สำรวจระหว่างวันที่ 20-24 ก.พ. จากประชาชน 1,250 หน่วยตัวอย่าง ส่วนใหญ่ร้อยละ 48.32 เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานในตำแหน่งนายกฯได้ค่อนข้างดี ร้อยละ 34.96 ระบุทำได้ดีมาก ร้อยละ 7.60 ไม่ค่อยดี และร้อยละ 4.00 บอกว่าไม่ดีเลย เมื่อถามถึงลักษณะการทำงานด้านต่างๆของนายกฯ พบว่ามีอุดมการณ์และความตั้งใจทำงานเพื่อชาติประชาชน กล้าตัดสินใจ มีบุคลิกภาพผู้นำแบบทหาร มีประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหา โปร่งใส ตรวจสอบได้ เมื่อถามถึงความประทับใจในการทำงานของคณะรัฐมนตรี 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 55.92 นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา อันดับ 2 ร้อยละ 54.48 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อันดับ 3 ร้อยละ 54.16 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อันดับ 4 ร้อยละ 53.76 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และอันดับ 5 ร้อยละ 53.20 นพ.ปิยะสกล สกล–สัตยาทร รมว.สาธารณสุข
          “ยิ่งลักษณ์–สุเทพ” เผาศพอดีต ส.ส.
          ที่ฌาปนสถานประตูม่าน อ.เมืองแพร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพนายเมธา เอื้ออภิญญกุล อายุ 89 ปี อดีต ส.ส.แพร่หลายสมัย โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. ของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์มา ร่วมงาน นอกจากนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ก็เดินทางมาร่วมงานด้วย ท่ามกลางประชาชนชาว จ.แพร่ที่ไปร่วมงานและให้การต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์จำนวนมาก ขณะเดียวกัน ชาวเขากว่า 100 คน จาก อ.วังชิ้น ที่ทราบข่าว ก็ได้เดินทางมา ร่วมต้อนรับอดีตนายกฯหญิงเช่นกัน
          “วิษณุ” ไม่รู้ข่าว “กิตติพงษ์” ไขก๊อก
          นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ยื่นใบลาออกจากการเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลัง ครม.มีมติเมื่อวันที่ 21 ก.พ. อนุมัติให้บรรจุกลับเข้ารับราชการตำแหน่งดังกล่าว หลังนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็น ผอ.สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) หรือ สธท. เมื่อวันที่ 25 ก.พ.58 เป็นเวลา 2 ปีและครบกำหนดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.60 ว่า ไม่ทราบว่าท่านจะลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯหรือไม่ หากท่านลาออก 100 เปอร์เซ็นต์เป็นสิทธิของท่าน ท่านมีเส้นทางเลือกเยอะ ล้วนแต่ดีๆทั้งนั้น ไม่ได้เป็นการไปเอาท่านกลับมา แต่เป็นการกลับมาเมื่อครบ 2 ปี ส่วนจะไปต่อตรงไหน ตรงนี้แล้วแต่ท่านแล้ว ขณะนี้กำลังจะพิจารณาแก้ไขกฎหมาย เพราะต้องการยกระดับ สธท.ขึ้นเป็นสถาบันหรือองค์การมหาชน โดยออกเป็น พ.ร.บ.องค์การมหาชน ร่วมกับ 40 องค์การมหาชน เพื่อทำงานได้มากขึ้นกว่าตอนเป็น พ.ร.ฎ. กฎหมายนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเสร็จแล้ว รัฐบาลกำลังเตรียมจะส่ง สนช. เมื่อไหร่ที่ สนช.คลอดกฎหมายดังกล่าว ท่านอาจตัดสินใจไปอยู่ตรงนั้นก็ได้ นั่นหมายถึงต้องลาออกเลย
          “ยงยุทธ” ชี้รัฐไม่ใสสะอาดกรณีโรงไฟฟ้า
          วันเดียวกัน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา กล่าวในรายการทิศทางประชาธิปไตยไทย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ยอมทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ใหม่กรณีสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ แสดงถึงการรับฟังเสียงประชาชน สะท้อนท่าทีรัฐบาล 3 ส่วน คือ ความเชื่อใจ ความเชื่อมั่น และจุดยืนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ท่าทีเชื่อใจต่อกันของประชาชนและกลุ่มการเมืองที่ถูกโยงไปสัมพันธ์กับกลุ่ม กปปส. ที่เคยต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เหตุนี้ทำให้นิยามความหวังดีต่อชาติถูกจำกัดด้วยลักษณะกลุ่มบุคคลเช่นกัน อยากให้ปรับปรุงวิธีคิดความหวังดีต่อประเทศชาติ ควรดูที่เนื้อหาว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองหรือไม่ เมื่อมีการเรียกร้องประชาธิปไตย รัฐต้องยอมรับเพราะมีเนื้อหาที่ดี ถ้าเรียกร้องด้าน สิ่งแวดล้อม หรืออนาคตของเยาวชน ต้องรับฟังว่าเกิดประโยชน์หรือไม่ ถ้าไม่ใส่ใจเนื้อหามุ่งแต่ไม่เอาและไล่หนีการกล่าวหาทำความวุ่นวายแล้ว สิ่งนี้ชี้ถึงการพิจารณางานการข่าวให้ดีด้วย และจุดยืนของรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเดินทางไหน เพราะโฆษกรัฐบาลบอกต้องศึกษาใหม่ แต่นายกฯกลับบอกให้ศึกษาใหม่เฉพาะสิ่งที่ประชาชนกังขาเท่านั้น
          แนะสร้างที่ใหม่–ใช้พลังงานรูปแบบอื่น
          นายยงยุทธกล่าวว่า สิ่งที่นายกฯควรรีบจัดการคือการส่งรายงานที่ไม่ครบถ้วนมาให้ ถือเป็นการหลอกต้มนายกฯ ถ้านายกฯยอมรับรายงานนี้ ประชาชนจะยิ่งสงสัยว่ารู้เห็นเป็นใจไปกับเขาด้วย จึงต้องลงโทษคนพวกนี้ การอ้างขาดแคลนไฟฟ้าเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแสดงถึงการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านไม่มีความมั่นคง แต่พลังงานถ่านหินมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลควรศึกษาหาทางเลือกใหม่ การใช้เกาะกลางทะเลทำโรงไฟฟ้าทางเลือกแล้วส่งพลังงานมาให้ประชาชน ถือเป็นทางเลือกน่าสนใจ แต่ถ้าคิดเพียงสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อให้มีต้นทุนต่ำ แล้วเอากำไรมาแบ่งกัน มันไม่เป็นธรรมกับชาวบ้าน ไม่ว่ารัฐบาลจากการยึดอำนาจหรือจากเลือกตั้ง การประกาศนโยบายย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเสมอ ยิ่งคนพื้นที่จังหวัดกระบี่ต้องการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าสัมผัสกับปล่องควันถ่านหิน จึงไม่ควรดันทุรังไปสร้างอีก ควรเปลี่ยนไปที่อื่น โรงไฟฟ้าถ่านหินต่างประเทศถือว่าเป็นพลังงานช่วงเปลี่ยนผ่านไม่ใช่สิ่งยั่งยืน ในอนาคตทุกประเทศจะลดปัญหาปล่อยควันที่กระทบต่อบรรยากาศ ไทยควรยึดเอาพลังงานถ่านหินเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานทางเลือกที่ไม่ก่อผลกระทบต่อระบบนิเวศของคนพื้นที่ แล้วเร่งสร้างพลังงานไฟฟ้าทางเลือกมาทดแทนจะเหมาะสมกว่า


pageview  1205112    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved