พื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังอ่วมหนัก ปัญหาหมอกควันไฟป่าและการเผาที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ที่เชียงราย ควันไฟป่าจากลาวพัดเข้ามาซ้ำเติม ทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี ส่งผลกระทบกับการเดินเรือในแม่น้ำโขง และยังทำให้นักท่องเที่ยวหายไปกว่าครึ่ง ที่แม่ฮ่องสอน ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเข้าขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เตือนหากต้องออกจากบ้านควรใช้ผ้าปิดปากจมูก ขณะที่สายการบินนกแอร์ ต้องงดเที่ยวบินช่วงเช้าเป็นวันที่ 4 จ.ตาก ยอดผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจและโรคตา เพิ่มพรวดกว่าเท่าตัว ขณะเดียวกัน จ.เลย มีคนเผาป่าตามเนินเขากว่า 10 ลูก ควันไฟป่าปกคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ฝ่ายปกครองเตรียมจัดชุดลาดตระเวนป้องกันและจับผู้กระทำผิดดำเนินคดีเฉียบขาด
          ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่ปกคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนาทึบ ฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐาน หมอกควันส่วนหนึ่งมาจากฝั่งประเทศลาว เพราะยังมีไฟป่าเกิดขึ้นหลายจุด บริเวณแม่น้ำโขง มีหมอกควันปกคลุมหนาทึบทำให้ทัศนวิสัยไม่ดีส่งผลกระทบต่อการเดินเรือ เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเชียงแสน ต้องนำรถดับเพลิงออกพ่นละอองน้ำตามย่านชุมชน เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ นอกจากนี้ปัญหาหมอกควันยังส่งผลต่อการท่องเที่ยวอย่างหนัก ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ยอดลดฮวบไปกว่าครึ่ง
          ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ควันไฟป่าปกคลุมหนาแน่นขึ้น ปริมาณค่าฝุ่นละอองอยู่ที่ 197.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี ส่งผลให้สายการบินนกแอร์ต้องยกเลิกเที่ยวบิน DD 8202 ในช่วงเช้าติดต่อกันเป็นวันที่สี่ ส่วนเที่ยวบิน DD 8208 ในช่วงบ่ายยังสามารถทำการบินได้ทุกวันแต่กว่าจะลงได้ต้องบินวนหลายรอบหรือไม่ก็เลื่อนเวลาทำการบินออกไป ทำให้ผู้โดยสารต้องหันไปใช้บริการสายการบินกานต์แอร์แทน เพราะถึงแม้จะเป็นเครื่องบินขนาด 12 ที่นั่งแต่ก็สามารถทำการบินได้ตามปกติเพราะมีเครื่องตัดหมอกและเรดาร์ จนต้องเพิ่มเที่ยวบินจากวันละ 2 เที่ยวบิน เป็น 4 เที่ยวบิน ซึ่งนางนฤมล ปาลวัฒน์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมกับท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน พ่นฉีดน้ำบริเวณท่าอากาศยาน และตัวเมืองแม่ฮ่องสอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสลายหมอกควันให้เบาบางลง ให้เครื่องบินสามารถทำการบินได้
          ด้าน นพ.ไพศาล ธัญญาวินิชกุล สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ค่าปริมาณฝุ่นละอองในขณะนี้ถือว่าไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ขอให้ประชาชนงดการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง  หากไม่จำเป็นในระยะนี้ขอให้อยู่ในอาคารบ้านเรือน หากต้องออกนอก บ้านควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจอาการอาจกำเริบได้ควรระมัดระวังป้องกันตนเอง โดยจากข้อมูลประชาชนที่ป่วยเนื่องจากผลกระทบของหมอกควันตั้งแต่เดือน ก.พ.ถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยรวม 11,553 ราย โรคที่พบสูงสุดคือ โรคระบบทางเดินหายใจ รองลงมาคือโรคระบบไหลเวียนโลหิต โรคผิวหนังและโรคเกี่ยวกับตา
          จ.พะเยา ยังมีหมอกควันปกคลุมไปทั่วราวกับสภาพอากาศฤดูหนาวมีหมอกลงจัด เนื่องจากลมพัดกลุ่มควันจากพื้นที่อื่นเข้ามา ทำให้หมอกควันที่ทำท่าจะลดลงเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา กลับเพิ่มมากขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่แสบตาคัดจมูกต้องใส่ผ้าปิดจมูกแม้ขณะออกมาทำบุญใส่บาตรตอนเช้า กระทั่งบ่ายอากาศยังไม่ดีขึ้น จากการวัดค่าของอากาศวัดได้ 224.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. นายกาจพล เอิบสุขสิริ รอง ผวจ.พะเยา ได้ขอความร่วมมือกับชาวบ้านทั่วจังหวัดพะเยาขอให้งดเผาทุกอย่างและขอให้ช่วยกันสอดส่องดูแลมิให้มีการเผาหญ้า ขยะ หรือสิ่งอื่นใด
          จ.น่าน หมอกควันยังลอยปกคลุมทั่วทั้งจังหวัด เนื่องจากมีการเผาป่าเตรียมทำการเกษตรในพื้นที่ และชายแดนประเทศลาว โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองน่าน ลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ลมไม่สามารถพัดหมอกควันไปที่อื่นได้ จึงสะสมเป็นปริมาณมาก โดยเมื่อช่วงเช้าปริมาณฝุ่นในอากาศสูงถึง 231 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ทำให้ระยะการมองเห็นไม่ถึง 50 เมตร ส่งผลกระทบต่อการใช้รถใช้ถนน และยังเป็นอุปสรรคต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องนำรถออกพ่นละอองน้ำตามถนนสายต่างๆ รวมทั้งย่านชุมชนที่มีคนอยู่หนาแน่น
          ที่ จ.แพร่ ได้เกิดไฟลามทุ่งที่กลางทุ่งนาหมู่ 7 ต.นาจักร อ.เมืองแพร่ ควันไฟปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง นายชูเกียรติ  พงศ์ศิริวรรณ  ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ ประสานรถดับเพลิงเร่งฉีดน้ำสกัด พร้อมเผยว่าสาเหตุเกิดจากมีการเผาขยะเพื่อปรับที่แล้วเกิดลามทุ่ง  ขณะนี้ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศอยู่ที่ 164 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ยังเกิน ค่ามาตรฐานที่  120 ไมโครกรัม/ลบ.ม. จึงขอร้องให้ ประชาชนหยุดเผาป่าเผาที่นาหรือเผาปรับที่เพื่อก่อสร้างต่างๆ และในอาทิตย์หน้าจะร่วมกับหลายองค์กรลงพื้นที่ตรวจสอบการเผาป่าและจะรณรงค์ครั้งใหญ่ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงพิษภัยของหมอกควัน และจะออกมาตรการขั้นเด็ดขาดเอาผิดกับผู้ฝ่าฝืนเผาป่าเผา
          ที่จ.ลำปาง เที่ยงวันเดียวกัน เกิดเหตุไฟไหม้สวนป่ายูคาลิปตัสเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ หมู่ 1 บ้านกล้วยหลวง ต.กล้วยแพะ อ.เมืองลำปาง ควันไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นฟ้าปกคลุมทั้งหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ใช้รถดับเพลิง 2 คัน ระดมฉีดน้ำกว่าครึ่งชั่วโมงจึงดับไฟได้ ต่อมานายบุญเชิด คิดเห็น ผวจ.ลำปาง สั่งให้เร่งตรวจหาสาเหตุของเพลิงไหม้ เนื่องจากเป็นการซ้ำเติมเพิ่มปัญหาหมอกควันในพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนสำลักควันไปตามๆกัน หากเป็นฝีมือคนจุดไฟเผาต้องเร่งนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีให้ได้ ด้านนายวิชญะ วีระขจร ผอ.แขวงการทางจังหวัดลำปาง เผยว่า ทัศนวิสัยบนถนนสายลำปาง-เชียงใหม่ เขตติดต่อลำปางกับลำพูน บนดอยขุนตาล หรือดอยผาเมือง มีหมอกควันปกคลุมภูเขาน้อยใหญ่มองเห็นเป็นควันขาว ขอให้ผู้ขับรถใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เนื่องจากการทัศนวิสัยไม่ดี
          จ.ตาก ยังมีไฟป่าเกิดขึ้นหลายแห่ง และจากปัญหาหมอกควันได้ส่งผลกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้าง มีผู้ป่วยจากโรคทางเดินหายใจและโรคตาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว อาทิ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ. เมืองตาก รพ.แม่สอด รพ.พบพระ รพ.อุ้มผาง และ รพ.ท่าสองยาง ซึ่งนายปัจจุบัน เหมหงษา สาธารณสุขจังหวัดตาก ได้เตือนประชาชนว่าในช่วงนี้อย่าออกไปยืนในที่โล่งแจ้ง หากจำเป็นควรสวมหน้ากากนิรภัย โดยเฉพาะเด็กเล็กไม่ควรออกไปอย่างเด็ดขาดเพราะภูมิคุ้มกันโรคอ่อน และควรงดออกกำลังกายในช่วงนี้ เพราะในอากาศมีสิ่งแขวนลอยจำนวนมาก อาจจะเข้าสู่ร่างกายทำให้เจ็บป่วยได้ ด้านนายสุริยะ ประสาท–บัณฑิตย์ ผวจ.ตาก ได้สั่งให้จ่ายเงินสินบนนำจับจำนวน 5,000 บาท แก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่ได้จับกุมนายอาหน่าย อายุ 20 ปี ชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า ที่บุกรุกจุดไฟเผาป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่สอด รอยต่อเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ เสียหายไปกว่า 1 ไร่
          จ.เลย ได้เกิดหมอกควันเป็นจำนวนมาก ปกคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ด่านซ้าย อ.ภูเรือ และ อ.นาแห้ว โดยเฉพาะที่บ้านตาดเสี้ยว อ.ด่านซ้าย หลัก กม.ที่ 10-11 ตลอด 2 ข้างทางมีการเผาป่าปรับ หน้าดินเตรียมทำการเกษตรเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าตลอดเนินเขากว่า 10 ลูก โดยนายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอด่านซ้าย กล่าวว่าช่วงนี้มักจะมีแผ้วถาง บุกรุกเผาป่าเพื่อขยายที่ทำกิน และไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ เพราะชาวบ้านอ้างเป็นไฟป่าตามธรรมชาติ ต้องสั่งให้ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตรวจดูแลการเผาทำลายป่า และลาดตระเวนตรวจป่าให้มากขึ้น หากพบผู้กระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง ส่วนการเผาขยะ สิ่งของที่เหลือใช้ ทางอำเภอได้ขอความร่วมมือไม่ให้เผาโดยขอให้ฝังกลบ แต่ชาวบ้านก็ยังฝ่าฝืนมาโดยตลอด
          ที่ จ.เชียงใหม่ มีหมอกควันปกคลุมพื้นที่หนาแน่นกว่าเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา จากการตรวจวัดค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละอองที่บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ 190.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม. โดย ม.ล.ปนัดดาดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ ได้นำขบวนรถดับเพลิงออกพ่นน้ำไปรอบๆตัวเมืองเชียงใหม่ โดยมีชาวเชียงใหม่ให้ความร่วมมือนำน้ำมารดหน้าบ้านเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น จากนั้น ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ขณะนี้มีการเผาป่า เผาที่ รวมทั้งขยะ รวม 164 จุด ซึ่งเราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้หยุดการเผาโดยเด็ดขาด โดยกำชับให้นำมาตรการกฎหมายเข้ามาบังคับ พร้อมกันนี้ได้ตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อเข้าปฏิบัติการทันทีที่มีการเผา
          สำหรับค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ หรือพีเอ็ม 10 ที่ จ.เชียงราย สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมืองเชียงราย ปริมาณฝุ่นละอองอยู่ที่ 218.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และที่สาธารณสุขแม่สาย อยู่ที่ 268.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ถือว่าสูงสุดในภาคเหนือและมีผลกระทบต่อสุขภาพ จ.ลำพูน ที่สนามกีฬา อบจ.ลำพูน อยู่ที่ 153.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ที่ จ.ลำปาง ที่ศาลหลักเมือง อยู่ที่ 180.0 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ที่ รพ.สต.ท่าสี อ.แม่เมาะ อยู่ที่ 236.9 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ที่ จ.แม่ฮ่องสอน บริเวณ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมืองแม่ฮ่องสอน อยู่ที่ 210.9 ไมโครกรัม/ลบ.ม. จ.น่าน ที่สำนักงานเทศบาลเมืองน่าน อยู่ที่ 210.5ไมโครกรัม/ลบ.ม. และที่ จ.แพร่ ที่อุตุนิยมวิทยาแพร่ อ.เมืองแพร่ อยู่ที่ 161.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม. จ.พะเยา ที่อุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา อ.เมืองพะเยา อยู่ที่ 224.7ไมโครกรัม/ลบ.ม.