HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 19/03/2555 ]
นายกฯโต้ปชป.สินค้าไม่แพงประวัฒน์ท้าชนสันติระดมส.ส.บีบลาออก

ยิ่งลักษณ์” อ้างข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ยันราคาสินค้าไม่ได้แพงขึ้น แถมบางรายการเริ่มปรับราคาลดลงบ้างแล้ว เดือน มี.ค.นี้ เดินหน้าโครงการ 1 ชุมชน 1 ธงฟ้า ย้ำนำเข้าน้ำมันปาล์มเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น สั่งอุตสาหกรรมและพลังงานไปบูรณาการแก้ปัญหาก๊าซหุงต้ม กำชับหน่วยงานรัฐให้ลดการใช้พลังงานลง 10% เชื่อไตรมาส 2-3 เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัว มั่นใจญี่ปุ่นไม่ย้ายฐานการผลิตหนีโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ “สุรนันทน์” โต้พรรคประชาธิปัตย์ปั่นข่าวราคาของแพง รองโฆษกรัฐบาลอ้างของแพงมาตั้งแต่รัฐบาล ปชป. “อภิสิทธิ์” ย้ำของแพงเพราะรัฐบาลผิดพลาดเรื่องนโยบายพลังงาน “พนิตา” หารือทีมกฎหมายเตรียมชี้แจง สตง. “ประวัฒน์” เสนอตั้งกรรมการเป็นกลางสอบพี่สาว กระทุ้ง “สันติ” ต้องพิจารณาตัวเองหากผลสอบออกมาไม่ผิด เพื่อไทยเชื่อ “สันติ” เก้าอี้ยังเหนียวไม่หลุดง่ายๆ
          สืบเนื่องจากกรณีที่มีเสียงเรียกร้องจากประชาชน ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายก– รัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ว่า จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่าราคาสินค้าไม่ได้แพงขึ้น แต่ที่สินค้าบางตัวปรับราคาสูงขึ้น เพราะขาดตลาดจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่สินค้าบางรายการเริ่มปรับตัวลดลงบ้างแล้ว
          “ยิ่งลักษณ์” โบ้ยน้ำท่วมทำของแพง
          เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 17 มี.ค. ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ถึงปัญหาราคาสินค้าแพง ว่า ภาพรวมราคาสินค้าถ้าเทียบจากเดือน มี.ค.2554 ถือว่าไม่ได้แพงขึ้น และถ้าเทียบกับไตรมาส 4 ที่ผ่านมาก็ถือว่าลดลง แต่สาเหตุที่สินค้าแพงช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากปัญหามหาอุทกภัย ทำให้โรงงานต่างๆปิดลงเป็นจำนวนมาก จนปริมาณความต้องการสินค้ามีมากกว่าจำนวนสินค้า
          ราคาสินค้าจึงปรับตัวสูงขึ้น ขณะนี้โรงงานอุตสาหกรรมยังไม่สามารถกลับมาผลิตเต็มกำลังได้ คาดว่าเดือน มิ.ย. จะกลับมาผลิตสินค้าเต็มกำลังได้ ที่สำคัญการที่ทุกคนคาดการณ์ว่า สินค้าจะขึ้นราคาและขาดตลาด จึงเกิดการเก็งราคาในตลาด ทำให้ราคาสินค้าสูงกว่าปกติได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สินค้าเริ่มปรับลดลง แต่ไม่นิ่งนอนใจเพราะอยากเห็นสินค้าราคาถูกกว่านี้ โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป เช่น ไข่ ที่ราคาปลายทางแพง แต่ต้นทางมีราคาถูก จึงให้กระทรวงพาณิชย์ประกาศราคาแนะนำและใช้ธงฟ้ามาช่วย โดยจะมีโครงการ 1 ชุมชน 1 ธงฟ้าในทุกชุมชน ให้ประชาชนมีทางเลือกสินค้าราคาถูก เพื่อสร้างราคาตลาดที่เป็นมาตรฐาน ภายในเดือน มี.ค. จะเริ่มมีร้านนำร่องเกิดขึ้น
          สั่งให้ตรึงราคาสินค้าสำเร็จรูป
          น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขณะที่ราคาสินค้าสำเร็จรูปอื่นๆนั้น จะลงไปดูเป็นรายผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ราคาสินค้าที่ออกมาเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค เพื่อให้ทุกห่วงโซ่เป็นไปตามกลไกการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะเร่งแก้ปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคแพงในทุกแขนง ส่วนน้ำมันปาล์มที่อาจมีปัญหาในช่วง 1 เดือน ก็จะเร่งแก้ปัญหาระยะสั้นโดยหาน้ำมันปาล์มเข้าสู่ตลาด เพื่อไม่ให้ราคาสูงเกินไป แต่อีก 1 เดือนต่อมา เมื่อมีปริมาณน้ำมันปาล์มในตลาดมากแล้ว ก็ต้องควบคุมไม่ให้มีปัญหาระยะยาว ส่วนปัญหาต้นทุนพลังงานที่จะส่งผลกระทบให้ค่าครองชีพแพงขึ้นนั้น จะพยายามรักษาสมดุล และจะดึงให้นานเท่าที่จะรับภาระไหว แต่สุดท้ายก็ต้องปรับทุกอย่างให้เป็นไปตามกลไกการตลาด คิดว่าครึ่งปีหลังสถานการณ์น่าจะดีกว่านี้ ทั้งนี้ ในส่วนสินค้าใหญ่ๆที่ต้องใช้ก๊าซหุงต้ม อาจได้รับผลกระทบ จึงสั่งให้กระทรวงแรงงาน อุตสาหกรรมและพลังงานไปบูรณาการแก้ปัญหาแล้ว ขณะเดียวกันได้กำชับหน่วยงานรัฐลดการใช้พลังงานลง 10 % เชื่อว่าในไตรมาส 2 และ 3 การใช้จ่ายเงินของภาครัฐจะทำได้อย่างเต็มที่ จะมีส่วนช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้
          โอ่นักธุรกิจยุ่นไม่ย้ายฐานผลิตหนี
          น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สำหรับความเชื่อมั่นของนักลงทุนญี่ปุ่นต่อประเทศไทย ภายหลังเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยนั้น ภายหลังจากการเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อนำแผนบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะการป้องกันนิคมอุตสาหกรรมไปสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนญี่ปุ่น ก็ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดีหลายบริษัท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ยืนยันไม่ย้ายฐานการผลิต และยังยืนยันจะขยายฐานการผลิตไทย นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังให้ความช่วยเหลือไทยอีก 2 ด้านคือ การให้เงินช่วยเปล่า 8 พันล้านเยน เพื่อมายกระดับถนนป้องกันนิคมอุตสาหกรรม และเขื่อนป่าสัก รวมถึงการให้ความร่วมมือด้านเทคนิคบริหารจัดการน้ำจากไจก้า เพื่อวางแผนการแก้ปัญหาน้ำท่วมร่วมกัน ซึ่งถ้าไจก้ามาร่วมมือจะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนญี่ปุ่นมากขึ้น
          โต้พรรคฝ่ายค้านปั่นข่าวของแพง
          นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกประจำตัวนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า “แพงทั้งแผ่นดิน” ว่า เราคงจะไม่แก้ต่างเรื่องนี้ด้วยสำนวน เราคงแก้ต่างด้วยข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และชัดเจนจากรายงานของส่วนที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลห่วงใยเรื่องภาวะเงินเฟ้อ แต่ทุกคนมองว่าเงินเฟ้อกระโดดขึ้นมาเป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น เป็นผลจากอุทกภัยต่อเนื่องมาปีนี้ แต่ระยะยาวไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ตรงนี้อยู่ในภาวะรัฐบาลควบคุมได้ ขณะเดียวกัน ต้นทุนสินค้าเกษตรบางตัวยังต่ำ และต่ำเกินไปด้วยซ้ำ แต่การปรับตรงนั้นจะต้องไม่กระทบปลายทางด้วย ถ้าวันนี้ต้นทุนต่ำปลายทางแพง มันต้องมีตรงกลาง ที่นายกฯสั่งให้ไปดูตรงกลางห่วงโซ่ของมูลค่าเพิ่ม แต่ละขั้นตอนติดขัดตรงไหน ตรงไหนค้ากำไรเกินควรคงต้องมาพิจารณากัน โดยแต่ละกระทรวงต้องไปรับผิดชอบตรงนั้น ซึ่งจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์วันนี้ราคาสินค้าไม่ได้แพงอย่างที่ถูกปั่นข่าวกันอยู่ สินค้าบางตัวที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกตรวจสอบกัน ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจน ส่วนเรื่องพลังงานหรือน้ำมันนั้นเป็นปัจจัยภายนอก ในการประชุม ครม.ที่ภูเก็ต ในวันอังคารที่ 20 มี.ค.นี้ เข้าใจว่ามาตรการต่างๆที่เสนอแนะใน ครม.เศรษฐกิจเมื่อวันที่ 16 มี.ค. จะนำไปพิจารณาเพิ่มเติมในที่ประชุม ครม.
          วอนเห็นแก่ชาติเสนอความจริง
          “ก็อยากให้ฝ่ายค้านช่วยดูข้อมูลของรัฐบาลด้วย ถ้าเกิดว่าข้อมูลมันเป็นจริงเช่นนั้น คิดว่าฝ่ายค้านเองน่าที่จะช่วยประเทศ มากกว่าที่จะไปพยายามหามุมมองมาโจมตีรัฐบาล” นายสุรนันทน์กล่าวต่อข้อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายด้านพลังงานที่ผิด ถือเป็นการวิจารณ์ลักษณะตีหัวเข้าบ้านหรือไม่ นายสุรนันทน์ตอบว่า วันนี้ทุกคนสามารถวิจารณ์ได้ แต่วิจารณ์แล้วเป็นเชิงสร้างสรรค์มีเนื้อหาสาระ รัฐบาลดูแล้วเป็นข้อคิดที่ดี รัฐบาลพร้อมนำมาปรับและทำ แต่ถ้าวิจารณ์เฉยๆว่าตรงนั้นแพงตรงนี้แพง รัฐบาลทำทุกอย่างผิดหมด ซึ่งมันไม่มีอะไรผิดหมดหรอก คิดว่ารัฐบาลมีข้อมูล ข้อเท็จจริงอยู่ในมือ ราคาพลังงาน น้ำมัน หรือแก๊ส เป็นข้อมูลสาธารณะที่เห็นกันอยู่ เพราะในโลกทั้งโลกวันนี้ก็เผชิญในราคาที่แพง เราต้องยอมรับตรงนั้น เพียงแต่กระบวนการบริหารจัดการ เราจะบรรเทาทุกข์ประชาชนอย่างไร การยังไม่เก็บภาษีบางตัวหรือการดูแลค่าใช้จ่ายบางตัว ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำต่อไป
          รัฐบาลโต้ ปชป.ปัดทำของแพง
          ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตีถึงเรื่องราคาสินค้าแพงว่า จากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากกลับไปใช้นโยบายเก่าของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ปัญหาราคาสินค้าที่ประสบอยู่นี้จะสามารถแก้ไขได้ ซึ่งไม่เป็นเรื่องจริง เพราะถ้ามาตรการของพรรคประชาธิปัตย์ดีจริง วันนี้การชั่งกิโลไข่ขาย ก็คงเป็นมาตรการที่ใช้กันอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้แล้ว มีการใช้เงินหลวงเป็นจำนวนหลายสิบล้านบาท เพื่อจ้างนักวิชาการมาทำวิจัยการชั่งไข่ขาย สุดท้ายก็ไม่ได้ผล นอกจากนี้ ขณะนั้นราคาไข่อยู่ที่ฟองละ 3.24 บาท แต่รัฐบาลชุดนี้ราคาอยู่ที่ฟองละ 3.14 บาท ส่วนเรื่องน้ำมันปาล์ม สมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ราคาอยู่ที่ขวดละ 47 บาท แต่วันนี้ราคาอยู่ที่ 42 บาท และจะยังอยู่ไปอีกนาน โดยไม่ต้องต่อคิวกันซื้อ พร้อมตั้งข้อสังเกตยุคนายอภิสิทธิ์มีการแทรกแซงราคาน้ำมันปาล์มหรือไม่ ขณะที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้มี ส.ส.ในภาคใต้เลย ก็ยังคงราคาอยู่ที่ 42 บาท ส่วนเรื่องน้ำตาลทราย ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ราคาก็อยู่ที่ 23.76 บาท/กก. แต่วันนี้อยู่ที่ 23 บาท/กก.
          ของแพงตั้งแต่ ปชป.เป็นรัฐบาล
          นายภักดีหาญส์กล่าวว่า ส่วนราคาเนื้อหมูที่ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้นั้น ก็สูงมาตั้งแต่รัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ โดยจากสถิติของสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้าระบุว่า ราคาเนื้อหมูตอน น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้ารับตำแหน่งอยู่ที่ 146.73 บาท/กก. ผ่านมา 7 เดือนอยู่ที่ 118.23 บาท/กก. เพราะฉะนั้นลดลงไปอย่างชัดเจนเกือบ 30 บาท แต่สมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แค่ 7 เดือนแรก ราคาอยู่ที่ 106.40 บาท/กก. โดยสรุปคือราคาสินค้าทุกอย่างที่แพงขึ้นนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทั้งนั้น วันนี้ราคาสินค้าก็ยังควบคุมได้ และอยู่ในเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดอย่างชัดเจน และราคามะนาวที่เพิ่มสูงนั้น เป็นเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูของมะนาว จึงทำให้ผลผลิตออกมาค่อนข้างน้อย จึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวของนายภักดีหาญส์ มีการนำข้าวราดไข่พะโล้ น้ำมันปาล์ม ไข่ไก่ มาตั้งโชว์ด้วย
          “อภิสิทธิ์” ย้ำของแพงเพราะรัฐบาล
          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวที่ จ.กาญจนบุรีเกี่ยวกับเรื่องของสินค้าราคาแพงว่า ปัญหามันเริ่มตั้งแต่นโยบายพลังงาน  ซึ่งมีลักษณะเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชน  เรื่องกองทุนน้ำมันก็ไม่มีการบริหารจัดการได้ ซึ่งสามารถมาช่วยลดต้นทุนได้ ขณะเดียวกันความเอาใจใส่ในเรื่องของต้นทุน ราคาสินค้ากับโครงสร้างต่างๆก็น้อย จะเห็นได้ว่าผู้สนับสนุนรัฐบาลกลับพยายามออกมายืนยันว่าของไม่แพง  ขณะที่ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนก็รับทราบไปทั่ว ส่วนเรื่องปัญหาน้ำมันปาล์มที่ส่อแววว่าจะขาดแคลนและขึ้นราคานั้นก็ต้องดูราคาความเป็นจริงนะครับว่าราคาผลปาล์มเป็นอย่างไรผลผลิตเป็นอย่างไร
          “พนิตา” หารือทีมกฎหมายปม สตง.ฟ้อง
          วันเดียวกัน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อดีตปลัดการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่อยากพูดอะไรมาก ส่วนกรณีที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิรโรภาส รักษาการผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้แจงถึงการตรวจสอบกรณีใช้เงินบริจาคไปดูงานต่างประเทศ เป็นการตรวจสอบถูกต้องไม่ผิดคนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับทีมกฎหมายว่า จะทำหนังสือชี้แจงไปยัง สตง.อีกหรือไม่ เพราะการตรวจสอบเรื่องนี้ของ สตง. เป็นเรื่องของการตีความข้อกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน คงต้องให้ทีมกฎหมายเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จากนี้ต้องรอถึงวันที่ 20 มี.ค.นี้ว่า ครม.จะมีมติถอนคำสั่งโยกย้ายตนหรือไม่ หากยังไม่เปลี่ยนแปลงก็จะเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.) ต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่านายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ระบุว่าไม่เคยได้รับหนังสือจากนางพนิตาที่ชี้แจง สตง.ถึง 2 ครั้ง นางพนิตาตอบว่า นายสันติจะอ้างอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร ตนไม่ห่วง เพราะการออกหนังสือแต่ละฉบับของทางราชการมีระเบียบ มีหลักฐานทั้งตัวเลขในหนังสือ วัน เวลา ชัดเจน ซึ่งเตรียมหลักฐานเกี่ยวกับหนังสือที่ส่งถึงนายสันติ เพื่อชี้แจงต่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยไว้อยู่แล้ว
          “ประวัฒน์” เสนอตั้ง กก.สอบ “พนิตา”
          นายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น้องชายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อดีตปลัดการพัฒนาสังคมฯ ที่ ครม.มีมติโยกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึงกรณีที่นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกฯ ระบุว่า ยังไม่ได้เห็นหนังสือที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ แต่งตั้งเป็นประธานสอบวินัยนางพนิตา ว่า เมื่อคณะกรรมการสอบวินัยนางพนิตายังไม่ได้แต่งตั้ง และความผิดยังไม่เกิดขึ้น ข้อเท็จจริงยัง ไม่ปรากฏ เหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง เรื่องนี้ไม่ใช่การทุจริต อาจมีการใช้เงินนอกงบประมาณผิดประเภทผิดวัตถุประสงค์ เอาไปศึกษาดูงานต่างประเทศจำนวน 32 ล้านบาท เรื่องนี้สามารถชี้แจงได้ แต่กลับถูกย้ายไปก่อน เรื่องนี้ต้องขอความเป็นธรรม โดยขอให้นายกฯตั้งคณะกรรมการสอบวินัยที่เป็นกลาง ไม่ใช่เป็นลูกน้องอดีตปลัดการพัฒนาสังคมฯ มีตัวแทนจาก สตง.  ก.พ. โดยมีนายธงทองเป็นประธาน และตรวจสอบให้เร็วที่สุด ผิดก็ว่ากันตามผิด ถูกก็ต้องว่ากันตามถูก เพื่อขอสร้างความชอบธรรมไปขอทบทวนมติ ครม.
          กระทุ้ง “สันติ” ต้องพิจารณาตัวเอง
          เมื่อถามว่ากรณีที่เรียกร้องให้นายสันติลาออกจากตำแหน่ง นายประวัฒน์ตอบว่า ถ้าผลสอบออกมาไม่ผิด คุณกลั่นแกล้งใครจะยอมได้ เราอยู่ในพรรคเพื่อไทย ไม่อยากให้ครอบครัวเสียหาย เมื่อถูกคนในครอบครัวรังแกก็ต้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าของบ้าน ผิดก็ว่ากันตามผิด ถูกก็ว่ากันตามถูก แต่ไม่ใช่ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยโดยนายสันติ ใครจะยอมรับได้ เพราะเป็นคู่กรณีโดยตรง ที่สำคัญอยู่ในบ้านเดียวกัน อยู่ในพรรคเพื่อไทยยังโดนอย่างนี้ พรรคพวกหลายคนในพรรคโทรศัพท์มาให้กำลังใจสู้กับความถูกต้อง เมื่อถามว่านายสันติต้องพิจารณาตัวอย่างไร นายประวัฒน์ตอบว่า นายสันติต้องพิจารณาตัวเอง เพราะทำให้เกิดเรื่อง หรือต้องใช้วิธีการอะไรบางอย่างที่กดดันให้ออก แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ส่วนในทางการเมืองในพรรคเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน
          ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า กลุ่มรักเพื่อนที่เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยจากภาคต่างๆที่สนับสนุนนายประวัฒน์ ได้เตรียมพร้อมที่จะกดดันนายสันติให้ลาออกจากตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมฯ โดยได้รวบรวมข้อมูลการบริหารงานในกระทรวงการ พัฒนาสังคมฯ รวมถึงบันทึกเสียงในบางเหตุการณ์ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องในบางเรื่อง รวมถึงการบริหารงานที่ด้อยคุณวุฒิ
          “วัลลภ”  ปิดปาก “สมชาย” ปัดแก๊งออฟโฟร์
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ ได้พยายามโทรศัพท์สอบถามนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนา สังคมฯ กรณีกลุ่มรักเพื่อนในพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอให้ปลดออกจากตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมฯ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะนายสันติลงพื้นที่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ส่วนนายวัลลภ พลอยทับทิม อดีตปลัดการพัฒนาสังคมฯ กล่าวถึงกรณีที่ถูกระบุเป็นหนึ่งในแก๊งออฟโฟร์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ให้คำปรึกษากับนายสันติจนเกิดการโยกย้ายนางพนิตาว่า ขณะนี้ไม่สะดวกที่จะพูด กำลังติดประชุมอยู่
          ด้านนายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ที่ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในแก๊งออฟโฟร์ กล่าวว่า ขอร้องเลยว่าขอให้ตนทำงานเป็นข้าราชการอาชีพ เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงอย่างเดียวดีกว่า อย่านำไปเชื่อมโยงกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเลยดีกว่า ตนเป็นข้าราชการไม่มีพรรคพวก ให้ทำงานในหน้าที่ไหนก็พร้อมทำตามคำสั่งของผู้บังคับ-บัญชา เรื่องที่เกิดขึ้นในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ขณะนี้คงต้องรอดูกันต่อไป หลังจากปัญหาต่างๆ คลี่คลายแล้วก็จะเห็นความชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร
          เชื่อข้อเสนอปลด “สันติ” ถูกตีตก
          เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ากลุ่มรักเพื่อน ซึ่งเป็น ส.ส.จากหลายภาคในพรรคเพื่อไทย ที่สนับสนุนนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น้องชายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อดีตปลัดการพัฒนาสังคมฯ จะเสนอปลดนายสันติออกจากตำแหน่ง รมว.การพัฒนา สังคมฯ ในที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคว่า เสนอมาก็ต้องถูกตีตกไป โดยในที่ประชุมในวันนั้นคงจะชี้แจงว่าเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่จะพิจารณาถึงเรื่องดังกล่าว ส.ส.ไปก้าวก่ายไม่ได้
          ส.ส.เหนือเชื่อ “สันติ” เก้าอี้เหนียว
          นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การโยกย้ายปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ถือว่าสร้างแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยไม่มากนัก แม้ว่าทั้งนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ และนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น้องชายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ทั้ง 2 คนเคยเป็นรัฐมนตรีมาเหมือนกัน จะยอมกันไม่ได้ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่านายสันติน่าจะยังเหนียวแน่นอยู่ได้ เพราะคู่กรณีคือนายประวัฒน์ที่หลบฉากออกไป เมื่อหมดยุคพรรคไทยรักไทย เพิ่งจะกลับเข้ามาพรรคเพื่อไทย ส่วนกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนแล้วตั้งนายวิเชียร ชวลิต ซึ่งทราบกันดีว่าสนิทสนมกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ขึ้นมาแทนนั้น เป็นสิ่งที่ ส.ส.ในพรรคตั้งคำถามกันมากว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงไม่เอาคนในพรรคหรือคนพวกเดียวกันขึ้น ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความเริ่มไม่ไว้ใจในกระทรวงนี้ด้วย
          ถือฤกษ์ 09.09 ย้ายศาลทำเนียบฯ
          ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันเดียวกัน พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รักษาการเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีย้ายและบวงสรวงศาล พระภูมิในทำเนียบรัฐบาล โดยถือฤกษ์เวลา 09.09 น. ประกอบพิธีทางพราหมณ์ โดยมีพราหมณ์คีษณพันธุ์ รังสิพราหมณกุล จากเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เป็นพราหมณ์ประกอบพิธี ก่อนที่จะทำพิธีได้ขึ้นไปบนตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อสักการะพระพรหม จากนั้นได้ไปทำ พิธีลาศาลพระภูมิเดิมที่อยู่ข้างตึกสันติไมตรี ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน พร้อมทำพิธีอัญเชิญพระภูมิชัยมงคลมาประดิษฐาน ณ ศาลพระภูมิแห่งใหม่ และทำพิธีบวงสรวง ทั้งนี้ ให้เพื่อเกิดความเป็นสิริมงคลต่อรัฐบาล ข้าราชการที่ประจำทำเนียบรัฐบาล สำหรับเครื่องสักการะประ-กอบด้วยขนม 9 อย่าง ผลไม้ 9 อย่าง และอาหารมังสวิรัติ และเปลี่ยนศาลพระภูมิจากทรงปราสาทสามยอด เป็นทรงโบสถ์วัดพระแก้ว
          “ธวัช” เชื่อศาลใหม่ดีกว่าจุดเดิม
          พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า ศาลพระภูมิเดิมมีภูมิทัศน์ไม่ดี เนื่องจากติดกำแพง อีกทั้งยังอยู่ใกล้หม้อ แปลงไฟ เกรงว่าหากหม้อแปลงระเบิด ศาลพระภูมิจะได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีการชุมนุมบริเวณนั้น อาจมีการขว้างปาสิ่งของเข้ามา หรือทำในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล นอกจากนี้ ยังเห็นว่าบริเวณที่ตั้งศาลแห่งใหม่มีความร่มรื่น จึงได้ปรึกษากับพราหมณ์ หลวงที่โบสถ์พราหมณ์ ฤกษ์พิธีต่างๆนั้นพราหมณ์เป็นผู้กำหนด ซึ่งระบุว่าต้องย้ายตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไป แต่ต้องก่อนเที่ยง โดยก่อนที่จะย้าย ได้สักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นก็ไป อัญเชิญจากศาลเก่ามาประดิษฐานที่ใหม่
          “ตลอดเวลาการทำพิธีทางพราหมณ์ ผมได้ อธิษฐานจิตถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ขอให้พระองค์พระราชทานพระบารมี หรือสิ่งที่เราทำเป็นมงคล ขอให้พระองค์รับรู้รับทราบส่วนหนึ่ง การย้ายศาลพระภูมิทำเนียบฯในวันนี้ จะทำให้คนไทยอยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง มั่นคงและมั่งคั่งเหมือนที่พราหมณ์แนะนำไว้ นอกจากนี้ ทุกส่วน ที่ทำงานในทำเนียบฯ ทั้งนายกฯและผมก็เป็นสิริมงคลเช่นเดียวกัน” พล.ต.ต.ธวัชกล่าว
          ปัดปรับฮวงจุ้ยเพื่อช่วย “ทักษิณ”
          เมื่อถามว่า การแก้เคล็ดครั้งนี้เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ พล.ต.ต.ธวัชตอบว่า ไม่เกี่ยว จะเห็น ว่าที่พราหมณ์พูดการทำก็เพื่อบ้านเมือง แผ่นดินและ ข้าราชการในสถานที่ตั้งแห่งนี้ รวมทั้งขณะนี้กำลังพิจารณาการปรับภูมิทัศน์ด้วยการปรับปรุงป้อมยามรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เกิดความสวยงาม สอดรับกับตึกไทยคู่ฟ้า ส่วนการปรับปากกระบอกปืน บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้านั้น เป็นเรื่องยุทธวิธีไม่ว่าทหารตำรวจก็ตาม ไม่มีเอาปากกระบอกปืน หันมายิงใส่บ้านตัวเอง ก็ปรับภูมิทัศน์ของปืนใหญ่ให้หันหน้าออกไปจากทำเนียบรัฐบาล เพราะเราไม่ควรให้อาวุธหันเข้าหาตัวเองเท่านั้นเอง
          ขณะที่พราหมณ์คีษณพันธุ์กล่าวหลังเสร็จพิธีว่า ตำแหน่งที่ตั้งศาลพระภูมิใหม่นี้ถือว่าดีใช้ได้ เข้ามาจากประตูก็สามารถสักการะได้ง่าย โดยได้หันออกไปทางทิศอีสานตามประเพณีนิยม ทั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง แต่หมายถึงสถานที่ที่เมื่อคนอาศัยอยู่ และมีความสุขความเจริญ ก็ส่งผลให้การทำงานมี กำลังใจที่ดี อุปสรรคก็น้อยลง ส่วนศาลตายายนั้น ก็เหมือนการแยกบ้านออกมาให้เป็นสัดส่วน และต้นไม้ ที่เป็นรูปช้างอยู่ด้านหน้า ก็เป็นเพียงประเพณีนิยม ส่วนเครื่องสักการะถวายเป็นมังสวิรัติและผลไม้ ก็เพื่อความเป็นกลาง
          “วุฒิสาร” ยันพระปกเกล้าทำดีสุดแล้ว
          ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์รายงานผลการศึกษาการวิจัยเรื่องสร้างความปรองดองแห่งชาติ ของสถาบันพระปกเกล้านั้น นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ไม่เป็นไร งานนี้ไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นด้วยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์ เพราะอยากให้ดูทั้งหมดก่อน แต่ตนก็เคารพสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ ทั้งนี้เจตนาของรายงานดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้ แต่หากทุกคนยังอยู่ในจุดยืนของตัวเอง ไม่รับฟังเหตุผลของฝั่งตรงข้าม และไม่มีการพูดคุยกัน ก็ปรองดองยาก ทั้งนี้การวิจัยของสถาบันพระปกเกล้ารับโจทย์มาทำ หากจะถูกใจหรือไม่ก็ต้องพิจารณากัน  และข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นทำให้เห็นว่ามีโรดแมปของการเดินหน้าที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ยืนยันว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ข้อเสนอนี้จะให้ทุกคนยอมรับทั้งหมดไม่ได้ แต่เบื้องต้นก็ต้องอธิบายให้คนส่วนใหญ่ได้เห็นว่าการปรองดองจะต้องเป็นอย่างไร ซึ่งรัฐบาลจะต้องชี้ให้เห็นถึงจุดนี้ให้ได้
          “สนธิ” แถลง 21 มี.ค.แนะมาคุยกัน
          ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ตนจะแถลงถึงแนวทางการสร้างความปรองดอง เนื่องจากขณะนี้ยังมีคนที่มีความเห็นแตกต่างกันจำนวนมาก อีกทั้งไม่เข้าใจการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ว่ามีความเป็นธรรมอย่างไร รวมทั้งเรื่องกระบวนการว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทำให้มีการพูดไม่ถูกต้อง ดังนั้นจะต้องมีการทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน โดยใช้หลักการที่กำหนดไว้มาพูดคุยกัน ส่วนการที่ฝ่ายค้านระบุว่าผลการวิจัยสร้างความปรองดองของสถาบันพระปกเกล้า เอื้อต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น ก็ไม่รู้ว่าพูดกันอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องมานั่งหารือกัน การที่นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้าเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อสัมภาษณ์นั้น ก็คงเป็นกระบวนการหนึ่งของสถาบันพระปกเกล้า อย่างไรก็ตามผลการทำงานของคณะกรรมาธิการฯนั้น ได้ทำตามขั้นตอนหลักวิชาการเรียบร้อยแล้ว
          ไม่ข้าม “ทักษิณ” หากให้สิทธิพิเศษ
          นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การที่สื่อบางฉบับและคนของพรรคเพื่อไทยต่างพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่าก้าวไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณนั้นก็อยากประกาศให้รู้ว่า ตราบใดที่บ้านเมืองยังมีกฎหมาย มีหลักนิติรัฐ นิติธรรมอยู่ ก็ต้องมีผลบังคับใช้กับคนไทยทุกคน ไม่ยกเว้นให้คนบางคน ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในหลักดังกล่าว ก็ก้าวผ่านไปได้ เพราะไม่อยากเห็นคนรวยทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิด แต่ตราบใดที่ยังมีความพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเร่งรัดออก พ.ร.ฎ.นิรโทษกรรม หรือแม้แต่พยายามที่จะออกเป็น  พ.ร.บ.ปรองดอง เพื่อให้สิทธิพิเศษทั้งที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่ามีความผิดแล้วจริง ยังมีคนบอกว่าไม่ผิดอย่างนี้ ใช้ไม่ได้ ถ้ายังไม่เลิกพฤติกรรมเช่นนี้ ก็ยืนยันกันไปเลยว่า ตนจะไม่ก้าวข้ามเรื่องนี้ น่าแปลกที่สื่อบางส่วนแทนที่จะบอกกับประชาชนคนในสังคมว่าให้รักษานิติรัฐ ความถูกต้องชอบธรรมของหลักกฎหมายไว้ แต่กลับส่งเสริมให้มีการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อช่วยคนเพียงคนเดียว
          เชื่อทำทุกอย่างเพื่อเอื้อ “นายใหญ่”
          ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเขาเชื่อมั่นว่าจะปลดล็อกมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญได้แน่ นายถาวรตอบว่า แน่นอน เราเชื่อว่าเขาทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ เพราะแม้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะระบุให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.และ ส.ว. แต่ด้วยระบบพรรค การมีมติพรรคก็ต้องทำตามและรวมกับมีสิ่งที่ล่อใจ ความคิดที่ว่ามีอิสระมันก็ไม่ได้ผล ที่สำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตีเช็คเปล่า ให้ ส.ส.ร.ไประบุตัวเลขในเช็คเองครั้งนี้ อยู่ที่การลบล้างคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูก คตส.ชี้มูล และคดีที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินแล้ว แต่เราในฐานะฝ่ายตรวจสอบก็ต้องทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง และรักษาประโยชน์ของส่วนรวมให้ดีที่สุด มาตรา 309 เป็นประเด็นหลักหัวใจสำคัญที่เขาต้องแก้ให้ได้ เมื่อถามต่อว่า ส่วนตัวมีความเป็นห่วงในการตั้ง ส.ส.ร. ที่มีความพยายามที่จะเปิดช่องคุณสมบัติ ให้แกนนำคนเสื้อแดงและญาติพี่น้อง ส.ส.มาเป็น ส.ส.ร. นายถาวรตอบว่าต้องยอมรับว่าที่สุดแล้ว แม้เราจะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ข้อเท็จจริงต่างๆ แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เพราะเรามีเสียงในสภาฯน้อยกว่า
          นายกฯย้ำไม่หั่นงบรักษาพยาบาล
          เมื่อเวลา 08.00 น.วันเดียวกัน ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขว่า ได้กำชับกองทุนเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล 3 หน่วยงานคือ ส่วนราชการ กองทุนประกันสังคม และกองทุน 30 บาทรักษาทุกโรค ไปบูรณาการร่วมกันเพื่อดูแลเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน การรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินว่า หากป่วยฉุกเฉินมาต้องได้รับการรักษาทันที ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ไม่มีการแบ่งเพศ วัย รายได้ โดยแสดงบัตรประชาชนใบเดียวก็เข้ารักษาได้ทันที ขณะเดียวกันจะให้ทั้ง 3 กองทุนบูรณาการการจัดซื้อยาร่วมกัน ให้มีการเทียบราคากลางจัดซื้อ อาจจะมีการรวมกันจัดซื้อยา เพื่อช่วยให้มีการต่อรองราคา รวมถึงให้ใช้แพทย์สมุนไพรมาช่วยในการรักษามากขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชนบริโภคยาเกินความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่มีการรวมทั้ง 3 กองทุนเข้าด้วยกัน สวัสดิการที่แต่ละกองทุนยังคงเหมือนเดิม ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ตัดลดงบประมาณดูแลสุขภาพ มีแต่จะเพิ่มให้
          นายกฯเรียกหารือเรื่องแท็บเล็ต
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังออกรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” น.ส.ยิ่งลักษ


pageview  1205077    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved