ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดของถังเก็บสาร "โทลูอีน" บริษัทบีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 5 พ.ค.และการรั่วไหลของก๊าซคลอรีนจากโรงงานบริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับ 10 ราย บาดเจ็บอีกว่า 300 คนนั้น ต่อมาเมื่อช่วงสายวันที่ 9 พ.ค.นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยถึงความคืบหน้าผู้ที่ได้รับผกกระทบจากเหตุระเบิดของโรงงาน บริษัทบีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ว่ายอดผู้เสียชีวิตล่าสุดคือ 11 ศพ ไม่ใช่ 12 ศพ เนื่องจากมีการย้ายโรงพยาบาลทำให้มีความผิดพลาดในการนับจำนวนผู้เสียชีวิตซ้ำกันสรุปเป็นการเสียชีวิตในทีเกิดเหตุ 8 ราย และเสียชีวิตที่รพ.อีก 3 ราย
          นายวีรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เกิดเหตุมี 141 ราย ในจำนวนนี้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 15 ราย อยู่ห้องไอซียู 2 ราย อาการดีขึ้นตามลำดับ และในส่วนของผู้ได้รับผลกระทบทางบริษัทบีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด จะรับผิดชอบโดยกรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าชดเชยจากกองทุนประกันสังคม และเงินชดเชยจากบริษัทรวม 36 เดือน และค่าทำขวัญเพิ่มเติมจากบริษัทรายละ 1 ล้านบาท โดยกนอ.สนับสนุนเงินช่วยเหลือรายละ 20,000 บาท หากผู้เสียชีวิตเป็นผู้ปฏิบัติงานของผู้รับเหมา บริษัทจะให้เงินช่วยเหลือรายละ 500,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งที่เป็นพนักงานบริษัทและผู้ปฏิบัติงานจากบริษัทรับเหมาตลอดจนประชาชนในชุมชนรอบนิคมฯ บริษัทจะรับผิดชอบในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนทรัพย์สินขอปงระชาชนที่ได้รับความเสียหาย บริษัทก็จะเป็นผู้รับผิดชอบ
          นายวีรพงษ์กล่าวอีกว่ากรณีก๊าซคลอรีนรั่วของบริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการส่งตัวผู้ได้รับผลกระทบเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรวม 138 คน ยังมีผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล 9 คน มีอาการดีขึ้นโดยลำดับ สำหรับการติดตามผลผู้ได้รับผลกระทบที่ได้กลับบ้านแล้ว กนอ.ได้ร่วมกับจ.ระยอง และกระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ออกสำรวจชุมชนและตั้งหน่วยให้บริการเพื่อติดตามและให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง "ขณะนี้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด 59 จังหวัด ได้ส่งปริมาณจำนวนโรงงานที่มีสารเคมีอันตรายและมีความเสี่ยงสูงทั่วประเทศประมาณ 2,114 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นครปฐม, ปทุมธานี, ชลบุรี, ระยอง, ขอนแก่นเป็นต้น โดยกนอ.ได้ขอความร่วมมือให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศเข้มงวดในการเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพราะหลายกรณีที่เกิดเหตุการณ์โรงงานระเบิดพบว่าผู้รับผิดชอบไมมีความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น กรณีของโรงงานพลุ ในจังหวัดสระบุรีที่ระเบิดในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาดังนั้น ในอนาคตหากพื้นที่รับผิดชอบของเจ้าหน้าที่กลุ่มใดมีเหตุการณ์โรงงานระเบิดก็จะมีการลงโทษทางวินัยและการโยกย้ายเป็นต้น" นายวีรพงษ์สรุป
          วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ชุมชนวัดตากวน เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยอง คณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายนริศ ขำนุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นที่บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด และสารเคมี รั่วไหลของบริษัทอดิตยาเบอร์ล่าเคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีนายวราวุ ปิ่นเงิน รอง ผวจ.ระยอง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพร้อมรับฟังปัญหาจากแกนนำและชาวบ้านชุมชนบ้านตากวนมาบชะลูดซึ่งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ
          นายประวิทย์ วงศ์สรยา เลขาฯ ชุมชนบ้านตากวน เล่าถึงความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีทิศทางทางว่าจะไปทางไหนการซักซ้อมแผนที่ผ่านมาไม่ได้ผลเท่าที่ควรเพราะเมื่อเกิดเหตุการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ ล่าช้ามาก ชาวบ้านต้องการให้มีศูนย์เตือนภัย และให้ข้อมูลชัดเจน ตรงกันทันท่วงทีในขณะเกิดเหตุเพื่อการตัดสินใจในการอพยพ ขณะที่นายนริศ ขำนุรักษ์ กล่าวว่ วันนี้ลงมารับฟังความเดือดร้อนของประชาชนขอทราบเหตุมีผู้เข้าไปช่วยเหลืออย่างไรและมีการป้องกันเหตุอาจเกิดซ้ำอย่างไรบ้าง ก่อนจะรวบรวมข้อมูลที่ได้ไปหารือคณะกรรมาธิการฯ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนอีกส่วนหนึ่งก็จะเอาข้อมูลดังกล่าวเพื่อไปร่าง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมต่อไป
          ด้าน พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.มาบตาพุด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ได้นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุโรงงานบีเอสที ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด แต่ยังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุได้ อยู่ห่างประมาณ 30เ มตร แล้วส่องกล้องเข้าไป เพราะระเบิดโครงสร้างและสารพิษที่หลงเหลืออยู่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเข้าไปตรวจอีก 3-4 ครั้งถึงจะเข้าไปตรวจถึงจุดที่ระเบิดจริงๆ ต้องมีการรื้อโครงสร้างออกให้หมดถึงจะทราบสาเหตุการเกิดระเบิดที่แท้จริงว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือจากบุคคลที่ไปทำให้ระเบิด โดยวันจันทร์ที่ 14 พ.ค.จะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้
          พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผบก.ภ.จ.ระยองเผยว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาชุดหนึ่ง มี พ.ต.อ.ไตรศูรย์ เนียมทรัพย์ รองผบก.เป็นหัวหน้าชุด โดยตั้งศูนย์อยู่ที่ กนอ.ชั้น 2 รับเรื่องร้องทุกข์ แจ้งความมีพนักงานสอสวนจากสภ.ต่างๆ มาประจำ และมีผู้ที่ได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความแล้วเกือบ 200 ราย ทาง สภ.มาบตาพุดยังไม่ได้แจ้งข้อหากับทางบริษัทบีเอสที ต้องรวบรวมหลักฐานก่อน ส่วนต้องรอผลตรวจพิสูจน์ว่าสาเหุตกาาตายเกิดจากอะไร
          ส่วนกรณีก๊าซคลอรีนรั่วไหลออกจากโรงงานอดิตยา เบอร์ล่า เคมิคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ได้รับผลกระทบนับพันรายนั้น พ.ต.ท.ไชยจิตต์ จันทะแสน พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยโป่ง อ.เมือบง ระยอง เจ้าของท้องที่ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีผู้ได้รับผลกระทบรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มาบตาพุด 8 คน และ รพ.บ้านฉาง 4 คน ทั้งนี้ จะต้องรอให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมาแจ้งความ และแจ้งค่าเสีหายให้หมดทุกรายก่อน เพื่อบริษัทจะได้เจรจาชดใช้ค่าเสียหาย จากนั้นทางตำรวจถึงจะแจ้งข้อหาคดีอาญาว่าทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายทางกายและจิตใจ ขณะนี้ได้สอบสวนผู้เสียหายไปแล้ว 3 ปาก
          ต่อมาเวลา 17.30 น. วันที่ 9 พ.ค.ที่สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการ กนอ.ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ได้รับแจ้งจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยที่เฝ้าระวังภายในบริษัทบีเอสทีอิลาสโตเมอร์ส จำกัด ว่า เกิดเหตุเพลิงคุบริเวณจุดที่ถังเก็บสารโทลูอีนระเบิด มีกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่มีการสันดาปหรือลุกไหม้เป็นเปลวไฟ ทางเจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำเลี้ยงและอุณหภูมิในจุดเกิดเหตุ กระทั่งเวลา 16.30 น. จึงกลับเข้าสู่สภาวะปกติ