นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยเมื่อวันก่อนว่า ในช่วงนี้ พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงในหลายพื้นที่ โดยพบผู้ป่วยเป็นเด็ก และผู้สูงอายุค่อนข้างมาก ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส และเชื้อ แบคทีเรีย อาทิ ไวรัสโรต้า โนโรไวรัส อย่างไรก็ตาม โรคอุจจาระร่วง สามารถพบได้ในทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก และกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มที่กล่าวข้างต้นมีโอกาสพบผู้ป่วย และมีความรุนแรงของโรคมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ
          นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยอีกว่า ตลอดปี 2560 พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเกือบ 1 ล้านราย จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารที่ปรุงไม่สุกและไม่สะอาด ในน้ำ น้ำแข็งที่มีการปนเปื้อน หรือการสัมผัสกับเครื่องใช้ เสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อผ้ามือสอง หรือของเล่นที่มีเชื้ออยู่ ซึ่งเป็นช่องทางก่อให้เกิดโรคที่สำคัญ
          นายแพทย์มณเฑียร เปิดเผยเพิ่ม เติมว่า การป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงในบาง กรณีไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) เพราะในกรณีที่เกิดจากเชื้อไวรัส สามารถหายได้เองโดยธรรมชาติ ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรดื่มน้ำสะอาดที่ผสมผงเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายเสียไป หากอาการมากผิดปกติ หรือเป็นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2-3 วัน ควรรีบพบแพทย์โดยทันที
          ส่วนการป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อต่าง ๆ นายแพทย์มณเฑียร กล่าวว่า สามารถป้องกันได้โดย 1. หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำ และสบู่ หรือเจลล้างมือทั้งก่อนปรุงประกอบอาหาร และหลังการใช้ห้องน้ำ 2. กำจัดขยะมูลฝอย เศษอาหารเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน และ 3. รับประทานอาหารที่ปรุง "สุก ร้อน สะอาด" รวมทั้งไม่รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ 4. ทำความสะอาดอุปกรณ์ ของเล่น และเสื้อผ้าของผู้ป่วย โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ ผู้ปกครอง หรือคนดูแลควรหมั่นสังเกตอาการของบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการรุนแรงขึ้น เช่น อาเจียน ถ่ายมากผิดปกติ หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ชีพจรเต้นเร็ว ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะช็อกจากการขาดน้ำและการเสียชีวิต หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.