เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ว่ารัฐบาลมีนโยบายให้พัฒนาสมุนไพรไทยอย่างเป็นระบบและยั่งยืนโดยส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดยารักษาโรค เน้นการใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบันให้ประชาชนไทยใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมเกษตรกรเพาะปลูกสมุนไพรในแต่ละชุมชน และช่วยกระจายโอกาสและสร้างรายได้ให้กับชุมชน
          นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า "ดังนั้นกระทรวงจึงมีมาตรการกระตุ้นการใช้สมุนไพรโดยเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้เกิด หมอดี พัฒนาสมุนไพรครบวงจร สร้างยาดีและพัฒนาคุณภาพสร้างบริการดี ในปี 61 จะทำแผนปฏิบัติการแผนไทยเฟิร์สพัฒนาสมุนไพรให้คนไทยรู้จัก เชื่อมั่น ชอบ และใช้บริการการแพทย์แผนไทยการแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือก และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยใช้กลไก 3 อาร์เอ็นจิ้น (3R Engine) ได้แก่ 1. รีแบรนด์ดิ้ง เร่งสร้างค่านิยม แผนไทยเฟิร์ส เพิ่มการเข้าถึง สร้างผลิตภัณฑ์สินค้าหรือวัฒนธรรมพื้นบ้านให้มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจรวมถึงการพัฒนาเมืองสมุนไพรเชื่อมโยงการท่องเที่ยว
          2. รีแอสชัวแรนส์ บูรณาการการแพทย์แผนไทยร่วมกับคลินิกหมอครอบครัว พัฒนาคุณภาพมาตรฐานและขยายความครอบคลุมการจัดบริการพัฒนาระบบการรับรองคุณภาพสมุนไพร รับรองหมอพื้นบ้านหรือวิธีการรักษาทางการแพทย์พื้นบ้านที่ปลอดภัยกับประชาชนและ 3. รีเสิร์ชแอนด์อินโนเวชั่น พัฒนาและเชื่อมโยงระบบข้อมูลการวิจัย นวัตกรรมด้านการแพทย์แผนไทยฯ และสมุนไพรเพื่อให้เกิดประโยชน์ในระบบสุขภาพ ส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างครบวงจรสร้างสรรค์ต่อยอดภูมิปัญญาด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี" นพ.ปิยะสกล กล่าว
          นพ.ปิยะสกลกล่าวต่ออีกว่า จากข้อมูลเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 60 มีผู้ป่วยนอกเข้ารับบริการการแพทย์แผนไทยฯ 32,444,810 ครั้งจากผู้ป่วยนอกทั้งหมด 164,259,449 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 19.75 จากสถิติมีการใช้ยาสมุนไพรเพิ่ม 406 ล้านบาทจาก 1,723.69 ล้านบาทในปี 59 และเพิ่มเป็น 2,129.96 ล้านบาท ในปี 60.