HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 21/03/2555 ]
สอบวินัยกราวรูดผอ.รพ.-พวก7คนโยงคดียาแก้หวัดหาย3.5แสนเม็ด

พ่อเมืองน้ำดำลงนามสั่งสอบวินัย จนท.รพ. กมลาไสย 7 รายรวด มี ผอ.รพ. รวมอยู่ด้วย 2 ใน 7 ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ขณะที่ ตร.กาฬสินธุ์นำหมายค้นบ้าน เภสัชกรระดับ 6 รพ.กมลาไสย ผู้ต้องสงสัยคดียาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน 3.5 แสนเม็ด สูญหายออกจากรพ. แต่ไม่พบยาแม้แต่เม็ดเดียว พร้อมสอบบัญชีธนาคารหาความเคลื่อนไหวทางการเงิน "วิทยา" งัดไม้แข็งเล่นงาน จ่อเชือด ผอ.รพ.เอี่ยวยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ล่องหนจากโรงพยาบาล "ปลัด สธ." ฟัน ขรก.รพ.อุดรธานีให้ออกหรือไล่ออกจากราชการ ตะลึงดีเอสไอพบยอดสั่งซื้อยาแก้หวัดนับล้านเม็ด เชื่อนำไปผลิตเป็นยาเสพติด มีเชื่อมโยงกับขบวนการค้าอาวุธสงคราม สั่งแกะรอยล่าตัวมารับผิดแล้ว
          จากกรณีการตรวจสอบปัญหายาแก้หวัดแอคติเฟด ซึ่งมีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน สารตั้งต้นยาเสพติดสูญหายจากรพ.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กว่า 3.5 แสนเม็ดนั้น ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 19 มี.ค. พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ วีระศิริ รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ นำกำลังพร้อมหมายศาล จ.กาฬสินธุ์ เลขที่ ค 153/2555 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 207 เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ของนางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรระดับ 6 รพ.กมลาไสย ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับยาแก้หวัดสูญหายจากรพ.กมลาไสย พร้อมตรวจสอบบัญชีธนาคาร เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงิน แต่ผลการตรวจค้นไม่พบยาชนิดดังกล่าวแต่อย่างใด
          พ.ต.อ.วิเชียร หัวหน้าชุดคลี่คลายคดี กล่าวว่า จากการตรวจสอบบัญชีทางการเงินเบื้องต้นจะเสนอให้ยึดทรัพย์ทันที หากพบว่ามีความร่ำรวยผิดปกติ ส่วนยาที่สูญหายไปกำลังติดตามความเชื่อมโยงถึงเครือข่ายยาบ้าและคาดว่าภายใน 3 วันจะสามารถสรุปผลเสนอไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ที่จะเข้ามาร่วมทำคดี ทั้งนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งสอบสวนคลี่คลายคดี โดยจะลงโทษผู้ร่วมกระทำผิดทุกรายพร้อมกับตรวจสอบติดตามไปถึงแหล่งรับซื้อยาดังกล่าว เนื่องจากคาดว่าอาจจะถูกนำไปผลิตเป็นยาบ้า รวมทั้งตรวจด้วยว่ามีความเชื่อมโยงกับจังหวัดที่เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันด้วยหรือไม่
          นอกจากนี้มีรายงานถึงกระบวนการสอบข้อเท็จจริงที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ว่า นพ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอให้นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.กาฬสินธุ์ สอบสวนทางวินัยเอาผิดกับ 7 เจ้าหน้าที่รพ.กมลาไสย ในจำนวนนี้มี นพ.สุพัฒน์ ธาติเพชร ผอ.รพ.กมลาไสย รวมอยู่ด้วย และ 2 ใน 7 คนนี้จะถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงด้วย ขณะที่ นายสมศักดิ์ ได้ลงนามในคำสั่งเรียบร้อยแล้ว
          วันเดียวกัน พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ นพ.สุพัฒน์ ผอ.รพ.กมลาไสย เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อยามีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีนมากเกินไป แต่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รพ.กมลาไสย แจ้งว่า นพ.สุพัฒน์ เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับครอบครัว
          ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผอ.ฝ่ายความมั่นคง 3 สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าสอบสวนการเบิกจ่ายยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนตามคำสั่งของ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทร์ขาว ผบช.สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมีเพียงเจ้าหน้าที่รพ.กมลาไสยเข้าให้ปากคำ เนื่องจาก นพ.สุพัฒน์ ติดธุระเดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังผลการสอบสวนแต่อย่างใด โดยดีเอสไอ จะแถลงผลให้ทราบอีกครั้ง
          ขณะเดียวกัน นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า ในสัปดาห์นี้ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)รายงานผลการตรวจสอบการสั่งซื้อยาแก้ไข้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน และยอดการสั่งจ่ายในโรงพยาบาลย้อนหลัง 1 ปี ให้ทราบ ส่วนในกรณีหากพบข้อมูลผิดปกติเกิดขึ้นในโรงพยาบาล จะส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการสอบสวนขั้นต่อไป
          นายวิทยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้กำชับให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินการกับ ผอ.รพ.ทุกราย หากผลการสอบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชียาดังกล่าว โดยให้ไปปฏิบัติราชการชั่วคราวที่ส่วนกลางคือกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ระหว่างดำเนินการสอบสวนในพื้นที่ และหากผลการสอบพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกระทำผิด จะดำเนินการทางวินัยขั้นร้ายแรงต่อไป แต่หากไม่ผิดจะให้กลับไปบริหารโรงพยาบาลตามเดิม
          นายวิทยา กล่าวด้วยว่า สำหรับยาใช้รักษาไข้หวัด หลังจากมีคำสั่งห้ามโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งสั่งซื้อและห้ามจ่ายยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.เป็นต้นมานั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยเป็นไข้หวัด เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มียารักษาไข้หวัดสูตรอื่นในกลุ่มเฟนิลเอฟริน มีประสิทธิผลใช้ในการบรรเทาอาการหวัด โดยในโรงพยาบาลทุกแห่งมีใช้อยู่แล้ว และสามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ดังนั้นประชาชนไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด
          ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในจังหวัดที่มีปัญหาการซื้อจ่ายดังกล่าวนั้น ได้มอบหมายให้ทางจังหวัดสืบหาข้อเท็จจริง และขณะนี้รพ.อุดรธานีส่งรายงานมาให้เรียบร้อยแล้วที่ อ.ก.พ.จังหวัด แต่เนื่องจากข้าราชการที่ได้รับผลกระทบไม่อยู่ ดังนั้นในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีคำสั่งของจังหวัดให้ข้าราชการรายนี้ออกจากราชการหรือไล่ออกจากราชการ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางจังหวัด ส่วนรพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และ รพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ รายงานจะมาถึงในวันที่ 19 หรือ 20 มี.ค. และกระทรวงจะได้ดำเนินการต่อไป และหากพบว่าเกี่ยวข้องถึงใครจะจัดการทั้งหมด โดยไม่มีการลูบหน้าปะจมูกอย่างแน่นอน
          ทางด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีลักลอบนำยาแก้หวัดมีส่วนประกอบของสารซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาลจำนวนมากว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านการนำยาแก้หวัดมีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีนไปสกัดเพื่อผลิตยาบ้า โดยจะถูกส่งมารวมในประเทศไทย ทั้งนำเข้าอย่างถูกต้องผ่านระบบโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ขณะที่อีกส่วนถูกลักลอบนำเข้าผ่านแนวชายแดน จากนั้นจะนำส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อผลิตยาเสพติด โดยยาแก้หวัด 1 เม็ดผลิตเป็นยาบ้าได้ 3 เม็ด แล้วถูกส่งกลับเข้ามาขายในประเทศไทยอีกครั้ง
          แหล่งข่าวจากชุดปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบพฤติกรรมที่มีพิรุธของแพทย์และบริษัทยา ขออนุญาตเปิดคลินิกหลายแห่ง และมียอดสั่งซื้อยาแก้หวัดนับล้านเม็ดสั่งจ่ายให้กับคนไข้ และอยู่ระหว่างกำลังเร่งแกะรอยสืบสวนความเชื่อมโยงของกลุ่มแพทย์และเครือข่ายยาเสพติด ว่ามีความเกี่ยวโยงกันหรือไม่ อย่างไรก็ดี ได้พบว่าขบวนการค้ายาเสพติดมีความเชื่อมโยงกับขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม สั่งซื้ออาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมาก เพื่อนำไปใช้อารักขาคาราวานลำเลียงยาเสพติด ลำเลียงจากแหล่งผลิตคือเมืองยอนและเมืองปางซาง เขตอิทธิพลของกลุ่มว้าแดง เพื่อขนผ่านแนวตะเข็บชายแดนด้าน อ.แม่สาย อ.แม่อาย และอ.แม่จัน จ.เชียงราย.
 


pageview  1205137    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved