HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 20/12/2556 ]
วิธีการใช้ยาในภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
  รศ.น.ท.ดร.สมพล เพิ่มพงศ์โกศลภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
          ฉบับที่แล้วนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับตัวยายับยั้งพีดีอี-5 ในโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศไปแล้ว ฉบับนี้มาต่อกันที่รูปแบบการใช้ยา ทั้งขนาดของยา ผลข้างเคียง อันตราย และข้อห้ามที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก
          ขนาดของยา โดยทั่วไป ปริมาณที่แนะนำสำหรับยาไวอากร้า (ซิลเดนาฟิล) คือ 50 มิลลิกรัม และอาจปรับขนาดยานี้ถึง 100 มิลลิกรัม หรือปรับลดให้เหลือ 25 มิลลิกรัมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วย สำหรับปริมาณยาที่แนะนำของยาเลวิตรา (วาเดนาฟิล) หรือยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) คือ 10 มิลลิกรัม และอาจปรับขนาดของยานี้ได้ถึง 20 มิลลิกรัม และยังอาจใช้ยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) ขนาดต่ำคือ 5 มิลลิกรัมได้ในกรณีที่ต้องใช้ยารักษาโรคอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือมีเงื่อนไขที่อาจต้องลดขนาดของยาลง นอกจากนี้อาจมีการใช้ยาขนาด 2.5 มิลลิกรัมในผู้ป่วยบางรายได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรใช้ยายับยั้งพีดีอี-5 เกินกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน นี่คือข้อที่ควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
          ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ ในการรับประทานยาแต่ละชนิด ก็จะมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
          ยาไวอากร้า (ซิลเดนาฟิล) อาจมีผลข้างเคียงทำให้หน้าแดง ปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย วิงเวียน คัดจมูก มีการเปลี่ยนแปลงการมองเห็น ซึ่งอาจเป็นน้อยครั้งและชั่วคราว ส่วนใหญ่จะเห็นสีแซม หรือเห็นแสงจ้าขึ้นและมองเห็นไม่ชัด
          ยาเลวิตรา (วาเดนาฟิล) อาจมีผลข้างเคียงทำให้หน้าแดง ปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ เวียนศีรษะ และคัดจมูกได้
          ยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) อาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย และปวดหลัง
          โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยสามารถทนต่อผลข้างเคียงอาการปวดศีรษะ หน้าแดง  อาหารไม่ย่อยและคัดจมูกของยาทั้งสามได้ดี ส่วนผลข้างเคียงของการมองภาพผิดปกติจะพบได้บ่อยในการใช้ยาไวอากร้า (ซิลเดนาฟิล)แต่พบน้อยมากจากการใช้ยาเลวิตรา (วาเดนาฟิล) และยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) ส่วนหน้าแดงและอาหารไม่ย่อยจะสัมพันธ์กับยาไวอากร้า (ซิลเดนาฟิล) และยาเลวิตรา (วาเดนาฟิล) และพบน้อยมากจากการใช้ยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) อาการปวดหลังและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อพบได้จากการใช้ยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) แต่ไม่พบในการใช้ยาไวอากร้า (ซิลเดนาฟิล) และยาเลวิตรา (วาเดนาฟิล) ผลข้างเคียงของยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) มีแนวโน้มที่จะอยู่นานแต่ไม่รุนแรง
          ฉะนั้น จึงมีข้อควรระวังและข้อห้ามในการใช้ยายับยั้งพีดีอี-5 ดังต่อไปนี้
          ยายับยั้งพีดีอี-5 ทั้งหมดถูกห้ามใช้ในผู้ป่วยที่ใช้ยาไนเตรต อินทรีย์ เพราะทำให้หลอดเลือดขยายตัว   ปัจจุบันการรับประทานยารักษาอาการต่อมลูกหมากโต (ชนิด อัลฟ้า-บล็อกเกอร์) ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการใช้ยายับยั้งพีดีอี-5 อย่างไรก็ตามผู้ป่วยต้องใช้รักษาต่อมลูกหมากโตมาก่อนโดยที่ไม่พบปัญหา จึงจะพิจารณาให้ยายับยั้ง พีดีอี-5 โดยไม่ควรรับประทานยาพร้อมกัน
          ทั้งนี้ เนื่องจากยาทั้งสองคือ ยาไวอากร้า (ซิลเดนาฟิล) และ ยาเลวิตรา (วาเดนาฟิล) มีผลกระทบทำให้เกิดการขยายหลอดเลือดและความดันลดลงในระดับปานกลาง จึงไม่ควรให้ยาทั้งสองชนิดในผู้ป่วยที่มีความดันเลือดต่ำและใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยหลอดเลือดตีบหรือกล้ามเนื้อหัวใจมีความผิดปกติ  และยังไม่แนะนำให้ใช้ยาซิอะลิส (ทาดาลาฟิล) ในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมองภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา  ตลอดจนผู้ป่วย ที่มีอาการป่วย ซึ่งไม่แนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ เช่น ไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตสูง มีความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรงหรือโรคตับ มีอาการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือดไม่แน่นอน นอกจากนี้ควรควบคุมขนาดของยาในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของไตหรือตับ อีกด้วย.

pageview  1205832    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved