HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 12/03/2555 ]
ปัญหาหมอกควันภาคเหนือทวีความรุนแรง ยอดผู้ป่วยสูดดมมลพิษเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

สนั่น เข็มราช/อนุศร ศรีวิชัย
          หมอกควันในภาคเหนือของประเทศไทยยังวิกฤติและมีแนวโน้มจะไม่คลี่คลายในเร็ววันนี้ สาเหตุหลักเกิดจากการเผาปรับหน้าดินของเกษตรกร ไฟป่า เผาขยะ และฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง รวมทั้งควันพิษจากท่อไอเสียจากการใช้รถใช้ถนน ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง ประกอบกับสภาพภูมิประเทศของจังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ มีภูเขาล้อมรอบ ทำให้มลพิษต่าง ๆ ถูกกักไว้และแผ่ปกคลุมทั่วเมือง ซึ่งจากสาเหตุที่กล่าวมาปัญหาหมอกควันจะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกายของประชาชน รวมถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก เพราะหากจังหวัดเชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันที่เป็นอันตรายต่อร่างกายคนเรา นักท่องเที่ยวที่ไหนจะเดินทางมาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้หลายหน่วยงานพยายามหาทางแก้ไข ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือกระทรวงสาธารณสุขโดยในหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่จะให้การดูแลสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ
          นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือว่าปริมาณหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือล่าสุดถือว่ายังอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทุกจังหวัดยังมีปริมาณฝุ่นละอองที่สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยพบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 68.4-307.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นค่าที่สูงกว่ามาตรฐานปกติมากว่า 8 สัปดาห์แล้ว ทั้งนี้ค่าคุณภาพอากาศในระดับปกติที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจะมีค่าอยู่ที่ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะนี้พบว่ามีหลายพื้นที่ที่ปัญหาหมอกควันยังมีสภาพที่ค่อนข้างรุนแรงเช่น ที่แม่ฮ่องสอน และที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นต้น
          ด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สาเหตุที่ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือปีนี้ มีความรุนแรงมากกว่าปกติเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่ปีที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี ทำให้ไม่เกิดปัญหาหมอกควันขึ้น แต่กลับส่งผลให้เกษตรกรทำการเผากันมากขึ้นในพื้นที่เพื่อทดแทน ขณะที่ลักษณะของพื้นที่ทางภาคเหนือโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ เมื่อเกิดการสะสมของมลพิษประจวบกับความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม อุณหภูมิและความชื้นทำให้เกิดหมอกในตอนเช้า เมื่อหยดน้ำในอากาศรวมตัวกับฝุ่นละอองและสารมลพิษในอากาศจึงเกิดหมอกควัน หรือ smog (smoke+ fog) ขึ้น ทำให้เกิดสภาพฟ้าหลัวเหมือนมีหมอกควันปกคลุมไปทั้งเมือง มลพิษจากหมอกควันที่เกิดขึ้นขณะนี้จึงเป็นอันตรายและมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งความเป็นอันตรายนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดของฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้ ความเข้มข้น และระยะเวลาที่สัมผัส รวมทั้งสภาพร่างกายของผู้รับแต่ละคนด้วย
          อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพขอให้ประชาชนควรปิดหน้าต่างประตู เพื่อป้องกันไม่ให้หมอกควันลอยเข้าสู่บ้าน หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านก่อนออกจากบ้านควรสวมแว่นตา เพื่อป้องกันการระคายเคืองตา สวมหน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ปิดจมูกและปากเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมละอองควันไฟเข้าสู่ร่างกายโดยตรง  และลดปริมาณการสูดดมควันพิษจากฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ใช้วิธีการสังเกตสภาพแวดล้อมเพื่อประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของปัญหาหมอกควัน ง่าย ๆ คือการสังเกตจากเสาไฟฟ้าถ้าสามารถมองเห็นเสาไฟฟ้าตั้งแต่ 4 ต้นขึ้นไป ถือว่าสภาพอากาศยังปลอดภัยอยู่ แต่ถ้ามองเห็นเสาไฟฟ้าได้ต่ำกว่า 4 ต้น เช่น เห็นได้เพียง 1-2 ต้น ถือว่าสภาพอากาศค่อนข้างวิกฤติและเริ่มไม่ปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และพยายามอยู่ภายในอาคาร และช่วยกันฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและดักจับฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ หากมีอาการผิดปกติหลังจากสูดดมฝุ่นละอองหมอกควัน เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด  แสบตา ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และหากเกิดปัญหาสุขภาพควรพบแพทย์ หรือย้ายไปพักพิงในพื้นที่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเตรียมไว้รองรับประชาชน หรือที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
          นพ.สุรสิงห์ วิศรุตม์รัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า พบค่าเฉลี่ยรายวันของฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน ในเชียงใหม่สูงกว่ามาตรฐานของสหรัฐอเมริกา 3-6 เท่า ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจในเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นทุกปี และอัตราผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดต่อประชากรแสนคนสูงกว่ากรุงเทพฯ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทย ก็พบผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ในตัวเมืองเชียงใหม่ ส่วนที่อำเภอรอบนอก เพิ่มสูงถึงร้อยละ 50 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1-8 มี.ค. มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาล สถานีอนามัยทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้ป่วยโรคตาอักเสบ 17.25 ต่อประชากรแสนคน โรคทางเดินหายใจ 151.47 ต่อประชากรแสนคนเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วที่มีผู้ป่วยโรคตาอักเสบ 9 คนต่อประชากรแสนคน โรคทางเดินหายใจ 144.75 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งตอนนี้ได้เร่งทำการรณรงค์ให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงทั้งหลายได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ และผู้ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ให้ป้องกันตัวเองโดยงดการออกกำลังกายกลางแจ้ง และอย่าออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในเวลาที่หมอกควันมีมาก หากต้องออกมาก็ควรสวมใส่หน้ากาก หรือผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเพื่อป้องกันมลพิษฝุ่นละออง นอกจากนั้นเรายังรณรงค์แจกจ่ายหน้ากากให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ตรงนี้ก็อยากจะขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงดูแลสุขภาพตนเองและร่วมลดปัญหาหมอกควัน ควรเผาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่เผาขยะครั้งละมาก ๆ และหากต้องออกนอกอาคาร ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
          สำหรับประชาชนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจากปัญหาหมอกควันสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรคโทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์0-2590-3333 หรือที่สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม โทรศัพท์ 0-2590-4393.
 

pageview  1205144    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved