การเกิดแผลเป็นและต้องทนต่อความเจ็บปวดจากการผ่าตัดหลังพักฟื้นคือสิ่งหนึ่ง ที่ผู้หญิงมีความกังวลเมื่ออยู่ในภาวะผู้ป่วย โดยเฉพาะการผ่าตัดมดลูก ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ผู้หญิงทำกันมาก จากการเกิดโรคต่าง ๆ ในผู้หญิง เช่น เนื้องอกที่มดลูก, มดลูกโต ผนังมดลูกหนา เยื่อบุโพรงมดลูกหนา หรือเซลล์บริเวณปากมดลูกผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีภาวะดังกล่าวร่วมกับมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดแล้ว จึงมาพิจารณาวิธีการผ่าตัดมดลูก ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ได้แก่ การผ่าตัดมดลูกผ่านทางหน้าท้อง ผ่านทางกล้อง และผ่านทางช่องคลอด ซึ่งไม่ทำให้เกิดแผลเป็นหลังการผ่าตัด

          นพ.คมกฤช เอี่ยมจิรกุล สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนรีเวชทางเดินปัสสาวะ รพ.เวชธานี อธิบายว่าแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกัน กล่าวคือ การผ่าตัดมดลูกผ่านทางหน้าท้องมีแผล ที่หน้าท้องยาวประมาณ 10 -15 เซนติเมตร ขึ้นอยู่ กับขนาดของมดลูกที่ โต ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล 4-5 วัน ส่วนการผ่าตัดมดลูกผ่านกล้อง มีแผลที่หน้าท้อง 3-4 ตำแหน่ง แล้วแต่เทคนิคของแพทย์แต่ละคน โดยมีแผลบริเวณสะดือยาว 1.5-2 เซนติเมตร และมีแผลบริเวณท้องน้อยส่วนล่างอีก 2-3 แห่ง แห่งละ 0.5-1 เซนติเมตร ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล 2-3 วัน

          ส่วนการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดไม่มีแผลที่หน้าท้องเลย เพราะผ่าตัดผ่านทางช่องคลอดอย่างเดียว ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล 2-3 วันเท่ากับการผ่าตัดมดลูกผ่านกล้อง แต่การผ่าตัดมดลูกผ่านกล้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าและเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด อีกทั้งความเจ็บปวดการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดมีอาการปวดน้อยที่สุดถ้าเทียบกับการผ่าตัดวิธีอื่น ๆ เพราะอาการปวดภายหลังการผ่าตัดนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากแผลผ่าตัดบริเวณผิวหนังที่ลงมีดผ่าตัดที่หน้าท้อง ซึ่งการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดไม่มีแผลที่หน้าท้องเลย ดังนั้นถ้าเปรียบเทียบความเจ็บปวดภายหลังการผ่าตัดมดลูกเรียงจากเจ็บปวดมากไปหาน้อยคือ ผ่าตัดมดลูกผ่านทางหน้าท้อง ผ่านทางกล้อง และผ่านทางช่องคลอด ตามลำดับ

          สูติ-นรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนรีเวชทางเดินปัสสาวะ กล่าวว่าเมื่อดูจากข้อดี-ข้อเสียแล้วการผ่าตัดผ่านทางช่องคลอดน่าจะเป็นวิธีดีที่สุด และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้หญิงที่ไม่อยากทนทรมานจากการผ่าตัดที่ต้องเสียเลือดหรือมีแผลเป็นตามร่างกาย แต่ปัจจุบันในประเทศไทยพบว่า ผู้หญิงนิยมทำการผ่าตัดมดลูกผ่านทางหน้าท้องมากที่สุด รองลงมาเป็นผ่าตัดมดลูกผ่านทางกล้อง ด้วยปัจจัยหลายอย่างประกอบกับการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดมีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถผ่าตัดในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นมะเร็ง, ผู้ป่วยต้องมีมดลูกขนาดไม่เกิน 15 เซนติเมตร หรือหนักไม่เกิน 450 กรัม, ผู้ป่วยที่มีประวัติผ่าตัดผ่านทางหน้าท้องมาก่อน รวมถึงการผ่าตัดคลอดบุตรเพราะจะเพิ่มโอกาสการมีพังผืดในช่องท้อง และทำให้มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่ออวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย นอกจากนั้นการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดต้องอาศัยเครื่องมือผ่าตัดเฉพาะและความชำนาญ ประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดด้วย อย่างไรก็ตามหากต้องการผ่าตัดมดลูกผ่านช่องคลอดต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมของผู้ป่วย และก่อนรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลถึงข้อดี-ข้อเสีย ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดอย่างละเอียด.