นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 (สคร.7) อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝน จะมีการระบาดของโรคตาแดง ซึ่งเกิดจากติดเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ โรคนี้จะมีการระบาดเป็นช่วง ๆ ส่วนใหญ่พบมากในช่วงฤดูฝน เชื้อจะติดต่อกันง่ายและรวดเร็วจากการสัมผัสน้ำตาของผู้ที่เป็นโรค โดยปรากฏอาการ 2 ลักษณะ คือ ตาแดงอย่างเดียว และ ตาแดงร่วมกับอาการเจ็บคอ บางรายอาจแพ้แสงเนื่องจากตาดำอักเสบ ทำให้เคืองตามาก และมีแผลที่ตาดำชั่วคราว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฝนตกชุก หรือประสบภัยน้ำท่วม ให้ประชาชนใช้น้ำสะอาดล้างหน้า และชำระล้างร่างกาย หากเป็นไปได้ ไม่ควรลงเล่นน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะเด็ก ๆ เนื่องจากในน้ำท่วม จะพัดพาสิ่งสกปรกต่าง ๆ มูลสัตว์ ที่อยู่บนพื้นดินและแหล่งน้ำสกปรก แม้ว่าสภาพน้ำจะไม่ขุ่นก็ตาม หากน้ำเหล่านี้เข้าตา จะทำให้เกิดตาแดงได้
          นพ.ศรายุธ กล่าวต่อว่า โรคตาแดงจะไม่ติดต่อทางการสบสายตา ทางอากาศ หรือรับประทานอาหารร่วมกัน จะติดโดยตรงจากการสัมผัสเชื้อที่อยู่ในน้ำตา ขี้ตาของผู้ป่วย โดยจะเกิดอาการได้ใน 1-2 วัน และสามารถแพร่เชื้อติดต่อผู้อื่นได้ประมาณ 14 วัน โรคนี้จะติดต่อกันได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน ในการป้องกันโรค ขอให้ประชาชนล้างมือทุกครั้ง หลังหยิบสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกัน เช่น แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ ลูกบิดประตู ราวบันได ราวจับรถโดยสารสาธารณะ เป็นต้น หลังจากว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ หรือในแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วไป ควรรีบล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดทันที เด็กนักเรียนให้หยุดเรียนไม่คลุกคลีกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการระบาด
          ทั้งนี้ หากมีอาการระคายเคืองตา ควรใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสะอาด ปิดบริเวณรอบดวงตา ประมาณ 20 นาที หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์ ส่วนผู้ป่วยโรคตาแดงขอให้หยุดพักที่บ้าน จนกว่าจะหาย และให้ปฏิบัติตัวดังนี้ 1. ให้ใช้กระดาษนุ่ม ๆ ซับน้ำตา หรือใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ด ขี้ตาและบริเวณเปลือกตา แล้วทิ้งในถังขยะที่มิดชิด 2. ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เนื่องจากเชื้อจะสะสมที่ผ้าเช็ดหน้าและแพร่ไปติดคนอื่นได้ 3. งดใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าตาจะหายอักเสบ 4. ใส่แว่นกันแดดเพื่อลดการระคายเคืองแสง 5. ควรนอนแยกจากสมาชิกในครอบครัว และไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา และเครื่องนอน เพื่อป้องกันโรคแพร่ระบาด ประการสำคัญ ไม่ควรใช้ยาหยอดตาร่วมกัน เนื่องจากเชื้ออาจติดอยู่ที่ปากขวดยาหยอดตาได้ ทั้งนี้ หากมีอาการปวดตารุนแรง หรืออาการตาแดงไม่ทุเลาภายใน 7 วันขอให้ไปรับการรักษากับแพทย์หรือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน.