HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 03/02/2555 ]
สารโคเดอีนภัยใหม่เท่าฝิ่น-เฮโรอีน ลูก'เกชา'มั่วยา
          พิสูจน์ชัดแล้วยาเม็ดของกลางปริศนา ที่แท้เป็นโคเดอีนบริสุทธิ์ ออกฤทธิ์กดประสาทเหมือนฝิ่นเฮโรอีน "รมช.สาธารณสุข" คาดลักลอบนำเข้าจากนอกประเทศ รองอธิบดีกรมวิทย์ฯ เชื่อแก๊งยาบ้าโดนปราบหนักจนต้องหาสารเมาทดแทน แนะหน่วยงานเกี่ยวข้องเฝ้าระวัง ด้านศาลอาญาสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1.5 หมื่นบาท นายแบบลูกครึ่งพร้อมสาว นศ. พกผงขาว สารภาพ-ไม่มีประวัติลดโทษเหลือกึ่งหนึ่ง รอลงอาญา 2 ปี ขณะที่ตำรวจ 191 บุกรวบลูกชาย "เกชา เปลี่ยนวิถี" อดีตดาวร้ายชื่อดังพร้อมเพื่อนสาว ซุกกัญชา-ไอซ์ คาบ้านพัก ปัดขายลูกค้า รับมีไว้แค่เสพผ่อนคลาย
          จากกรณี พ.ต.ท.อริญชัย สุวรรณโภชณ์ พงส.(สบ 3) สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทร ปราการ นำของกลางเป็นยาเม็ดชนิดกลมสีขาวไม่ทราบชื่อ ขนาดเท่ากับยาบ้า ปั๊มตัวอักษรเอส ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ก.พ. นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข เผยว่า พบสารโคเดอีนปริมาณ 28-29 มิลลิกรัมต่อเม็ด ไม่มีสารตัวอื่น ดังนั้นจึงเข้าข่ายเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 และน่าจะเป็นการลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
          นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า โคเดอีนเม็ดมีมานานแล้ว แต่ปัจจุบันไม่อนุญาตให้จำหน่าย ปัจจุบันยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของโคเดอีนอนุญาตให้จำหน่ายได้ในสถานพยาบาลที่มีเตียงเท่านั้น แต่แพทย์สั่งใช้ไม่มากเพราะมียาตัวอื่นทดแทน ทั้งนี้โคเดอีนจะมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางเหมือนฝิ่น เฮโรอีน ถ้าเสพเข้าไปอาจทำให้เคลิ้ม ฝัน คลายเครียด ซึ่งเป็นไปได้ว่าเมื่อมีการปราบปรามยาบ้าทำให้มีการหาสารอื่นทดแทน จากข้อมูลทางตำรวจเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นยาเม็ดอะไร เมื่อผลออกมาเช่นนี้หน่วยงานเกี่ยวข้องจะต้องเฝ้าระวัง
          ด้าน ภก.ประพนธ์ อางตระกูล ผอ.กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ยาแก้ไอที่มีโคเดอีนเป็นส่วนผสม จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ห้ามมิให้มีการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่าย นอกจากได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดังนั้นยาดังกล่าว จึงมีได้เฉพาะสถานพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเท่านั้น โดย อย.จะเป็นผู้ผลิตเพื่อส่งให้กับผู้ประกอบการที่ผลิตยาที่มีส่วนผสมโคเดอีน ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง 10 กว่าแห่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากยาเม็ดดังกล่าวเป็นโคเดอีนบริสุทธิ์จริง ก็ไม่ใช่ที่ อภ. ผลิต แต่น่าจะเป็นการลักลอบนำเข้ามามากกว่า
          ขณะที่ พ.ต.ท.อริญชัย หัวหน้าชุดจับกุมยาต้องสงสัย กล่าวว่า ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นทาวน์เฮาส์สองชั้นเลขที่ 220/747 หมู่บ้านภูมิใจนิเวสน์ หมู่ 4 ซอยวัดใหญ่ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ของนางกาญจนา บุดดี อายุ 36 ปี เนื่องจากมีพฤติกรรมพัวพันกับยาเสพติด พบกัญชา 1 ห่อเล็ก ยาคามากร่า 880 เม็ด ยาแอปซาลิส 480 เม็ด ยาไดอะซีแพม 7 ขวด และยาเม็ดต้องสงสัยสีขาว บรรจุในขวดพลาสติกสีขาว 6 ขวด รวม 5,800 เม็ด ที่ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พิสูจน์ สอบสวนนางกาญจนา ยอมรับว่า ยาทั้งหมดซื้อมาให้สามีกินเนื่องจากมีอาการทางประสาท เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครอง แต่หากผลพิสูจน์ระบุเป็นสารเสพติดให้โทษก็จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนางกาญจนาต่อไป
          โดยก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2552 "เดลินิวส์" ได้เปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติด ที่ใช้สาร "ไดเมทิล แอมเฟตามีน" เป็นส่วนผสมในยาบ้าและยาไอซ์ เนื่องจากสารดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 มีโทษสูงสุดคือจำคุก 20 ปี ปรับ 4 แสนบาท จึงตั้งสมมุติฐานขึ้นว่า ขบวนการค้ายาเสพติดได้นำสารดังกล่าวมาเป็นส่วนผสมของยาเสพติด แทนการใช้สารเมทแอมเฟตามีนที่มีบทลงโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าสร้างปัญหาให้กับพนักงานสอบ สวนเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีหลายคดีที่พบว่าเมื่อสกัดสารบริสุทธิ์จากยาเสพติดของกลางเพื่อส่งฟ้อง กลับพบสารไดเมทิลแอมเฟตามีนที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเหมือนเมทแอมเฟตามีน แต่กลับมีบทลงโทษต่ำกว่า กระทั่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และออกประกาศให้สารไดเมทิลแอมเฟตามีน เป็นยาเสพติดประเภท 1 ในที่สุด
          ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อย.8681/2554 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายแซมเมียว เบอร์นส อายุ 29 ปี นักแสดงและนายแบบลูกครึ่งไทย-อังกฤษ และ น.ส.กัลยรัตน์ สว่างพงษ์ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานร่วมกันมีโคคาอีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67, 102
          คำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมจำเลย พร้อมของกลางเป็นเฮโรอีน 1 ถุง น้ำหนัก 0.020 กรัม ขณะนั่งอยู่ในรถโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน ฎค 7864 กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านรัชดานิเวศน์ ซอย 5 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. โดยชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าเป็นของเพื่อน ต่อมาศาลสืบประวัติแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดจริง พิพากษาให้จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 15,000 บาท แต่จำเลยทั้งสองรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ คงจำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 7,500 บาท ประกอบกับนายแซมเมียว และ น.ส.กัลยรัตน์ ไม่เคยรับโทษมาก่อน จึงให้รอลงโทษไว้เป็นเวลา 2 ปี พร้อมกับคุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี
          ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดี พร้อมด้วย พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 แถลงผลจับกุมนายดาวชัย ภู่วิจิตรถาวรชัย และนางประณิพร ภู่วิจิตรถาวรชัย สองสามีภรรยาชาวจีนฮ่อ เครือข่ายยาเสพติดกลุ่มอาหลงซึ่งเคลื่อนไหวอยู่แถบตะเข็บชายแดนภาคเหนือ หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม ได้ในบ้านพักเลขที่ 134/14 หมู่ 9 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
          พ.ต.อ.ญาณพล กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวทางดีเอสไอร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย (ดีอีเอ) ได้สืบสวนและส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปอยู่ในเครือข่ายเป็นเวลา 2 ปี จนได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นผู้เจรจาซื้อขายยาเสพติด หลังจากนั้นสายลับได้วางแผนกับเจ้าหน้าที่ล่อซื้อเฮโรอีนจากผู้ต้องหาด้วยเงิน 400,000 บาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการปราบปรามจับกุมยาเสพติดต่อเนื่องทำให้เครือข่ายระมัดระวังตัวมากขึ้น การจะล่อซื้อในปริมาณมากกว่าเดิมจึงทำได้ยาก ดีเอสไอจึงได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจากหลักฐานที่มีอยู่เดิม เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเท โดยได้อายัดทรัพย์สินผู้ต้องหาโดยมีหินขาว หรือหยกขาวที่แกะสลักเป็นพระพุทธรูปและรูปเคารพต่าง ๆ บ้านพร้อมที่ดิน 6 หลัง ที่ดินพร้อมโรงงาน 2 แห่ง รถยนต์ 2 คันรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
          นอกจากนี้ยังเหลือผู้ร่วมขบวนการอีกหนึ่งคน ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต คือนายเค ไม่ทราบนามสกุล ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งยาเสพติดให้สายลับที่ล่อซื้อ ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดี
          ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย นายธานินท์ สุภาแสน ผวจ. พ.ต.อ. สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ รักษาการ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายสราวุฒิ จุ๊ตอม อายุ 32 ปี พร้อมยาบ้า 200,000 เม็ด รถเก๋ง มิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน กต 3551 นครปฐม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเงินสด 50,000 บาท โดยชุดสืบสวน บก.ภ.จว.เชียงราย ติดตามไปจับกุมตัวได้ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.บางปะอิน กม.58 ถนนพหลโยธิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีนายทุนจ้างวานเป็นเงิน 200,000 บาท ให้ขับรถไปรับยาบ้าจากเอเย่นต์ทางภาคเหนือ ที่นำมาส่งให้ในปั๊มน้ำมัน ปตท.ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พร้อมเตรียมขยายผลจับกุมต่อไป
          อีกราย พ.ต.อ.อิทธิเดช เจริญสหายานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง และ พ.ต.อ.มานะ อินพิทักษ์ ผกก.สภ.เมืองระยอง แถลงผลจับกุมนายวิลัย นามมูล อายุ 37 ปี นายกุศล ศรีสมรส อายุ 37 ปี และนายประกิจ สังข์ทอง อายุ 34 ปี พร้อมยาบ้า 3,560 เม็ด ยาไอซ์ 18 กรัม เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัล 1 เครื่อง อาวุธปืนสั้น 3 กระบอก กระสุน 59 นัด รถยนต์เก๋ง 1 คัน จยย. 4 คัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และ สมุดรายชื่อลูกค้า 1 เล่ม
          พ.ต.อ.อิทธิเดช เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายประกิจ ขณะขายยาบ้าให้กับกลุ่มวัยรุ่นที่ชายหาดสุชาดา อ.เมืองระยอง ก่อนขยายผลไปจับกุมนายวิลัย และนายกุศล ได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งภายในซอยประปา 2 ต.เนินพระ อ.เมือง แต่ระหว่างนั้นผู้ต้องหาทั้งสองใช้ปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี แต่ก็ถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด สอบสวนทั้งหมด ให้การรับสารภาพว่า มีนักโทษในเรือนจำกลางจังหวัดระยอง โทรศัพท์สั่งการให้ไปรับส่งยาเสพติดตามจุดต่าง ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลจับกุมต่อไป
          วันเดียวกัน พ.ต.อ.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. (191) พ.ต.ท.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผกก.สปพ. ร.ต.อ.ทศพล จันทรางสูตร รอง สว.สปพ. นำกำลังพร้อมหมายศาลอาญา เลขที่ 75/2555 ลงวันที่ 2 ก.พ. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 282/33-34-35 ซอยลาดพร้าว 87 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองเจ้าขุนสิงห์ เขตวังทองหลาง เนื่องจากสืบทราบว่าเป็นบ้านของนางสรัญญา เปลี่ยนวิถี หรือเปิ้ล อายุ 40 ปี อดีตดารานักแสดง และอดีตภรรยาของนายเมชา เปลี่ยนวิถี อายุ 47 ปี ลูกชายของนายเกชา เปลี่ยนวิถี อดีตดาวร้ายชื่อดัง ซึ่งนางสรัญญาถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีข้อหามียาไอซ์ไว้ครอบครองเมื่อปี 54 จากนั้นนางสรัญญาได้ประกันตัวออกไป
          กระทั่งถึงเวลาขึ้นศาลนางสรัญญาไม่มาตามนัด ศาลอาญาจึงออกหมายจับ จากการตรวจค้นพบยาไอซ์ 1 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพและกัญชาอีกจำนวนหนึ่ง ในบ้านเลขที่ 282/33 และเจอตัวนายเรชาอยู่ในอาการคล้ายมึนเมา จึงนำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ส่วนบ้านเลขที่ 282/35 เจอยาไอซ์ 3 กรัม และกัญชาอีกจำนวนหนึ่งเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายเมชา พี่ชายของนายเรชา เละ น.ส. อำภา ประสพศักดิ์ อายุ 31 ปี เพื่อนสาวของนายเมชา ซึ่งทั้งคู่อยู่ในบ้าน ไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด
          นายเมชา ให้การอ้างว่า ซื้อยาไอซ์กับกัญชามาไว้เสพเองเพื่อผ่อนคลาย ไม่ได้จำหน่ายให้ใคร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้ง 3 คน ฐานมียาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) และยาเสพติดประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ต่อมาได้แจ้งข้อหาจำหน่ายยาเสพติดเพิ่มกับนายเมชา เนื่องจากพบพยานหลักฐานว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวมาเป็นเวลานาน
          ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงข่าวจับกุมนายมะรอนิง จาโก กำนันตำบลตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี นักค้ายาเสพติดรายสำคัญพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ภายในบ้านเลขที่ 3/5 หมู่ 9 ต.ตะลุโบะ พร้อมยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท
          สำหรับการจับกุม กำนันมะรอนิง ในครั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายผลกรณีเจ้าหน้าที่พบเงินสดจำนวน 6.9 ล้านบาทซุกซ่อนในรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ซึ่งเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนถนนสายเอเซียพื้นที่ ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา ส่งผลให้นายมูฮัมหมัดนูรี หะยีบากา ซึ่งเป็นผู้ขับ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและหลบหนีไป ส่วน น.ส.โนร์ซาฮูรา จาโก ภรรยาเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดจึงได้พยายามแกะรอยไปยังเครือข่ายค้ายาเสพติดแก๊งนี้ และพบว่า มีกำนันมะรอนิง อยู่ในขบวนการด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้หาเบาะแสและหลักฐานจนแน่ชัดก่อนที่จะเข้าตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว.
 
          บรรยายใต้ภาพ
          มั่วยา... นายเมชา เปลี่ยนวิถี ลูกชาย นายเกชา เปลี่ยนวิถี อดีตดาวร้าย และน.ส.อำภา ประสพศักดิ์ เพื่อนสาว (ภาพซ้าย) ถูก ตร.จับข้อหาเสพยาเสพติด ขณะที่ (ภาพขวา) นายแซมเมียว เบอร์นส นายแบบโฆษณา และ น.ส.กัลยรัตน์ สว่างพงษ์ เพื่อนสาวมาฟังคำพิพากษาศาลอาญาในคดีครอบครองเฮโรอีน

pageview  1204961    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved