HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 23/04/2561 ]
กรมวิทย์ฯ เตือนภัยแมลงมีพิษในประเทศไทยถึงตายได้ แนะเลี่ยงไม่บริโภคและป้องกันตัวเองจากการถูกกัดต่อย

 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เตือนอันตรายจากแมลง มีพิษ โดยเฉพาะด้วงก้นกระดกและด้วงน้ำมัน ชี้พิษอันตรายโดยทำให้ปวดแสบ ปวดร้อน และอาจทำให้เสียชีวิตถ้านำไปบริโภค แนะหลีกเลี่ยงไม่บริโภคแมลงที่ไม่รู้จักและป้องกันตัวเองจากการถูกแมลงกัดต่อย นอกจากนี้ได้จัดทำหนังสือรวบรวมข้อมูลแมลงมีพิษที่เข้าใจง่าย สำหรับหน่วยงานและประชาชนที่สนใจฟรี
          นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า อันตรายที่เกิดจากแมลงมีพิษเป็นภัยด้านสุขภาพอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งซึ่งแมลงหลายชนิดมีพิษโดยธรรมชาติในตัวของมันเอง คนจะได้รับพิษจากการถูกกัดดูดกินเลือดหรือจากการไปสัมผัสรวมทั้งการบริโภคแมลงมีพิษเหล่านั้นโดยหลังจากได้รับพิษจะมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงขั้นร้ายแรงเสียชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของแมลงรวมทั้งสภาพร่างกาย อายุ บริเวณที่ได้รับพิษ รวมทั้งปริมาณสารพิษที่ได้รับ โดยอาการทางร่างกายหรือผิวหนังจะมีลักษณะบวมแดง เจ็บปวดหรือปวดแสบปวดร้อนผื่นคันระคายเคืองตัวอย่างการได้รับพิษทางผิวหนังที่เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ คือได้รับพิษจากด้วงก้นกระดกที่มีสารพีเดอริน (Pederin)เมื่อลำตัวแมลงแตกหัก สารพิษดังกล่าวจะสัมผัสกับผิวหนังส่วนอาการที่เกิดจากการบริโภคแมลงจะมีได้ 2 แบบ คือ 1.อาการแพ้ที่เกิดจากการบริโภคแมลงทั่วไป โดยร่างกายจะมีการตอบสนองที่คล้ายกับคนที่แพ้อาหารเช่นแพ้อาหารทะเล จะมีได้ตั้งแต่อาการเล็กน้อยๆได้แก่ ลิ้นและหลอดอาหารบวม กลืนอาหารลำบากคลื่นไส้ อาเจียนกระวนกระวายเป็นลม ปวดท้องเนื่องจากกระเพาะอาหารหดเกร็งท้องเสียจนถึงขั้นรุนแรงคือความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็วหายใจไม่สะดวก ช็อคและอาจทำให้เสียชีวิตได้2.อาการที่เกิดจากการบริโภคแมลงที่มีพิษร้ายแรง ได้แก่ด้วงน้ำมันที่มีรายงานผู้เสียชีวิตอยู่เสมอโดยประชาชนเข้าใจผิดคิดว่ากินได้ จึงจับมาเผาไฟกินจะได้รับสารพิษแคนทาริดิน(Cantaridin) ถึงแม้ด้วงจะถูกเผาไฟแล้วแต่สารพิษยังคงอยู่
          ในแต่ละปีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับตัวอย่างด้วงน้ำมันส่งมาตรวจวิเคราะห์เนื่องจากมีคนได้รับพิษ โดยพบว่าการกินด้วงน้ำมันเกิน 3 ตัวแล้วรักษาไม่ทันจะทำ ให้เสียชีวิตได้ อาการของผู้ที่กินด้วงน้ำมันคือ ปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียนมีเลือดปน รวมทั้งถ่ายอุจจาระและปัสสาวะมีเลือดปน เนื่องจากสารพิษดังกล่าวเข้าไปทำอันตรายอย่างรุนแรงต่อเยื่อเมือกในระบบต่างๆของร่างกายนอกจากนั้นยังมีแมลงอีกหลายชนิดที่ดูดกินเลือดโดยตรง เช่น มวนเพชฌฆาต แมลงชนิดนี้ในเวลากลางวันจะหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณที่รกรุงรังหรือรอยแตกของผนังห้อง รวมทั้งพุ่มไม้รอบบ้านแล้วออกมาดูดกินเลือดคนและสัตว์ในเวลากลางคืน รวมทั้งตัวเรือด หมัด เห็บและไร เป็นต้น และหากไม่ดูแลรักษาบาดแผลที่ถูกกัดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและ เป็นแผลอักเสบลุกลามได้ หรือแม้แต่แมลงบางชนิด เช่นแมลงวันตา ชอบมาดูด กินเลือดและน้ำเหลืองบนแผลที่ผิวหนัง ทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล เกิดเป็นแผลเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาดได้ดังนั้นประชาชนควรหลีกเลี่ยงไม่บริโภคแมลงที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยมีการนำมาบริโภคมาก่อน ป้องกันตัวเองจากการถูกแมลงกัดต่อย ถ้าได้รับพิษทางผิวหนังให้ล้างแผลให้สะอาด ทาด้วยยาปฏิชีวนะประเภทครีม ถ้ามีอาการรุนแรงทั้งจากการแพ้หรือบริโภคแมลง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
          "กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพประชาชนจากการได้รับพิษจากแมลง จึงได้จัดทำหนังสือแมลงมีพิษที่เข้าใจง่าย โดยรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับชนิดของแมลงพิษว่ามีลักษณะอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักกับแมลงพิษชนิดต่างๆ รวมทั้งวิธีป้องกันตัวและการดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อได้รับพิษและหนังสือ แมลง สัตว์ และพืชที่มีพิษและเป็นอันตราย ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลของทั้งแมลง สัตว์และพืชที่มีพิษแจกจ่ายให้กับหน่วยงานและประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อรับได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์โทรศัพท์ 0-2591-1707" นายแพทย์สุขุม กล่าว


pageview  1205127    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved