HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก [ วันที่ 24/04/2555 ]
วิทยาจับตาโรคผิวหนังคร่าญวน19ศพลามไทยแปดริ้วตื่นเฝ้าระวัง6ขวบ

 "วิทยา"สั่งสถานพยาบาลทั่วประเทศจับตาโรคผิวหนังลึกลับ เวียดนามสังเวยแล้ว 19 อธิบดีกรมควบคุมโรคชี้ไม่ร้ายแรง รพ.แปดริ้วตื่นเด็กหญิง 6 ขวบ มีจ้ำแดงทั้งตัว
          ภายหลังองค์กรอนามัยโลก(ฮู)ประการศเตือนพบโรคผิวหนังลึกลับระบาดโดยไม่สามารระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ ตามที่รัฐบาลเวียดนามรายงานว่า ในปี 2554 พบผู้ป่วย 150 คน เสียชีวิต 12 คน ปี 2555 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงปัจจุบันพบผู้ป่วย 63 คน เสียชีวิต 7 คน รวม 2 ปีมีผู้ป่วย 63 คน เสียชีวิต 7 คน รวม 2 ปีมีผ่ป่วย 213คน เสียชีวิต 19 คนนั้น เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 เมษายน นายวิทยาบูรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สั่งการให้กรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์ในประเทศเวียดนามอย่างใกล้ชิด โดยประสานกับองค์การอนามัยโลก ศูนย์ป้องกันควบคุมโรคประเทศ สหรัฐอเมริกา และผู้รับผิดชอบของทางการเช่นเดียวกับผู้ป่วยในเวียดนามให้ส่งทีมเข้าระวังสอบสวนโรคและเคลื่อนที่เร็ว เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด"นายวิทยากล่าว
          ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โรคระบาดดังกล่าวเกิดในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2554 แล้วหายไปก่อนจะพบอีกครั้งในเดือนมกราคมปีนี้ เฉพาะที่ จ.กวางงาย อาการเบื้องต้น เข่า ข้อแข็งขยับไม่ได้ ผิวไหม้ ลอกเหมือนร้อนลวก กระทั่งตับถูกทำลาย
          ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามออกคำแนะนำประชาชนหากป่วยเล้กน้อยให้ใช้ยาทา กินยาลดอักเสบที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ ให้ยาบำรุงตับเนื่องจากผู้เสียชีวิตเกิดจากตับวาย อย่างไรก็ตามหากป่วยหลักให้ส่งโรงพยาบาล หรือกลับจากท้องไร่ท้องนาให้ล้างมือล้างเท้า หลีกเลี่ยงการสัมผัสยาฆ่าแมลงและสารเคมี
          นพ.พรเทพกล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญแล้วมีความเห็นว่า โรคดังกล่าวเป็นโรคผิวหนังผิดปกติไม่ทราบสาเหตุ เชื่อว่าไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรง เราะหากเป็นรโรคที่เกิดจากการติดเชื้อน่าจะระบาดไปทั้งประเทศเวียดนามและประเทศในอาเซียนแล้ว เนื่องจากพบผู้ป่วยครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2554 แต่รายงานของรัฐบาลเวียดนามพบผู้ป่วยเฉพาะจ.กวางงายเท่านั้น อีกทั้งเวลาที่ตรวจเจอครั้งแรกผ่านมากว่า1ปี หากเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโรคน่าจะต้องมีการตรวจสอบทราบแล้วว่าเกิดจากเชื้อชนิดใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ
          "อัตราป่วยตายจากโรคนี้อยู่ที่ 10% ถือว่าสูงมาก หากเป็นโรคติดเชื้อ ในแง่ของการควบคุมเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก แต่กรณีนี้ความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคติดต่อร้ายแรง น่าจะเป็นโรคไม่ติดต่อ"นพ.พรเทพ กล่าว
          อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า เมื่อกรมประเมินแล้วว่าไม่น่าจะเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่างๆตามกฎหมายการควบคุมโรค สำหรับประเทศไทยถือว่าไม่น่ากังวล หรือตื่นตูมมากนัก เพราะพื้นที่ที่เกิดจากโรคคือ จ.กวางงาย ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงไม่มีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในเมืองดังกล่าว คนไทยที่เดินทางกลับจากเวียดนามจึงไม่น่าเป็นห่วง หากผู้ใดมีความกังวลในเรื่องดังกล่าวสามารถโทมาสอบถาม หรือปรึกษาได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 ส่วนคนเวียดนามที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ก็ไม่น่าจะเป็นคนจากเมืองกวางงาย ที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
          ด้านผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศกล่าวว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกำลังช่วยกันวิเคราะว่า โรคลึกลับที่เกิดขึ้นน่าจะมีสาเหตุจากอะไรบ้าง เบื้องต้นนไม่น่าเกี่ยวกับโรคผิวหนังโดยตรง อาจเป็นโรคทางด้านร่างกายเพราะสังเกตจากผิวหนังของผู้ป่วยที่ถูกนำมาฉายในทีวีช่องหนึ่ง ปรากฏว่าลักษณะเหมือนผื่นคันทั่วไป ดังนั้นต้องตัดชิ้นเนื้อของผู้ป่วยนำส่งตรวจในห้องทดลองอย่างละเอียดว่าเป็นเชื้ออะไร
          "ที่ผ่านมาเมืองไทยยังไม่เคยพบโรคลักษณะนี้มาก่อน ในอดีตเคยได้ยินกรณีผู้ป่วยที่ได้รับสารหนู หรืออาร์เซนิก(arsenic)ในปริมาณเข้มข้นจำนวนมาก ทำให้สารซึมเข้าเส้นเลือดจนเสียชีวิต แต่หมู่บ้านต้นเหตุในเวียดนามไม่ใช่ลักษณะของพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่น่าจะมีสารหนูจำนวนมาก อีกทั้งเกิดขึ้นกับผู้ป่วยหลายคนพร้อมๆกันขณำนี้เชื่อว่าองค์กรอนามัยโลกได้ว่งทีมเข้าสำรวจแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร แหล่งดิน เป็นต้นพร้อมทั้งจำกัดบริเวณไม่ให้มีการเข้าออกพื้นที่แพร่ระบาดแล้ว" ผศ.พญ.สุวิรากรกล่าว
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลเมืองฉะเทรา (พุทธโสธร)พบเด็กอายุ 6 ขวบ 5 เดือน ป่วยโรคผิวหนังฉะเชิงเทรา (พุทธโสธร)พบเด็กหญิงอายุ 6 ขวบ 5เดือน ป่วยโรคผิดหนัง มีอาการอักเสบแดงเป็นจ้ำๆ ลักษณะคล้ายโรคผิวหนังลึกลับที่กำลังระบาดในประเทศเวียดนาม โดยผู้ปกครองยืนยันว่า ด.ญ.เอ(นามทสมมุติ)ชาวฉะเชิงเทราไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ แต่เมื่อวันที่ 16 เมายน ที่ผ่านมา มีจุดแดงเกิดขึ้นที่ใต้ผิวหนัง ไม่ใช่บาดแผลจากแมลงกัดต่อย จากนั้นจุดดังกล่าวเริ่มขยายตัวขึ้นมาเป็นผื่นแดงอักเสบนูนเป็นสันขึ้นมาเป็นกลุ่มๆคล้ายกับจ้ำเลือด และคันตามรอยอักเสบของโรคที่บริเวณหลังเท้า แล้วลามขึ้นหัวเข่าถึงโคนขากระทั่งฝะมือ ตอนนี้แพทย์พยายามรักษาและรอดูอาการ
          ครั้งแรกผู้ปกครอง ด.ญ.เอ เข้าใจว่าเป็นเพียงลมพิษ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับคนไทยโดยทั่วไปในช่วงฤดูร้อน แต่ทายาและให้กินยาน้ำแก้แพ้ก็ยังไม่ดีขึ้น จึงพาไปพบแพทย์ที่คลินิกย่านถนนพานิช เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราเมื่อวันที่ 21 เมษายน แพทย์ตรวจอาการแล้วบอกเพียงว่า อาจเป็นอาการของโรคเลือดที่มีผลมาจากตับ พร้อมแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา
          นพ.จารุฉัตร วิบูลย์กุลพันธ์ แพทย์เจ้าของไข้ ระบุว่า ยังไม่บ่งชี้สาเหตุของการเกิดอาการที่ชัดเจน โดยส่งเข้าตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของโรคแล้ว แต่ไม่พบอาการภายนอกที่ผิวหนังเท่านั้น จากนั้นจึงให้นอนพักเป็นผู้ป่วยใน เพื่อรอดูอาการที่โรงพยาบาล พร้อมรอเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจหาสาเหตุอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายนนี้
          บรรยายใต้ภาพ
          หนัก ด.ญ.เอ(นามสมมุติ)อายุ 6 ขวบ ชาวฉะเชิงเทราป่วยเป็นโรคผิวหนัง มีอาการอักเสบแดงเป็นจ้ำ เข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา (พุทธโสธร)เมื่อวันที่ 23 เม.ย.


pageview  1205108    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved